มิติหุ้น-จากบทวิเคราะห์บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ระบุว่า ความเชื่อมั่นกำลังซื้อในประเทศยังเป็นไปในทิศทางบวก จากศูนย์พยากรณ์และธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย รายงานดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน พ.ค.เท่ากับ 80.1 จุด ลดลงเล็กน้อยจากเดือนเมษายนแต่ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยปี 2560 จึงคงน้ำมันหุ้นกลุ่มค่าปลีก “มากกว่าตลาด” ด้วย 3 เหตุผล คือ 1. ดัชนีชี้วัดกำลังซื้อทั้งภาคการท่องเที่ยว ยอดขายรถยนต์ รวมถึงประเด็นการเมืองที่คลี่คลาย เชื่อว่าหนุนแรงซื้อของกลุ่มค้าปลีกฟื้นตัวต่อเนื่อง
แม้ว่า 2. การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมหรือ SSSG ในไตรมาส 2/2561 คาดเป็นบวก แม้ว่าจะเข้าสู่ฤดูฝนเร็วกว่าปกติ อีกทั้งเป็นช่วงเปิดเทอม ทำให้กำลังซื้อบางส่วนชะลอตัว แต่โดยรวมยังมองว่า SSSG ยังเป็นบวกราว 0.5-1 % จากช่วงเดียวกันของไตรมาส2/2560 ทั้ง HMPRO,ROBINS, BIGC(BJC) รวมถึง CPALL และจะเร่งตัวขึ้นจากเทศกาลฟุตบอลโลกที่ 4 ปีมีครั้งและเริ่มถ่ายทอดสดระหว่างวันที่ 14 มิ.ย.-14 ก.ค. ในช่วงครึ่งหลังปี 2561 และยังเข้าใกล้ช่วงเลือกตั้งในต้นปีหน้าอีกด้วย
และ3.คาดกำไรปกติไตรมาส2/2561 ขยายตัว จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากยอดขายและการรักษามาร์จิ้นให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่กำไรปกติจะอ่อนตัวลงจากจากช่วงไตรมาสก่อนหน้า โดยยังคงเลือก BJC และ CPALL เป็น Top Pick ของกลุ่ม โดย BJC ให้ราคาเหมาะสมปี 2561 ที่ 72 บาทภายหลังที่มีการปรับองค์กรและพัฒนาสินค้าใหม่เพื่อเพิ่มมาร์จิ้น รวมถึงการขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม CLMV ที่เอื้อต่อรายได้และกำไรในระยะยาว และ CPALL ราคาเหมาะสมปี 2561 ที่ 103 บาท/หุ้น จากการเติบโตของ SSSG ที่อยู่ระดับ 3-4 % สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม รวมถึงการใช้กลยุทธ์เร่งยอดขายต่อเนื่องเพื่อรักษา SSSG ขณะที่ Banking Agent ถือเป็น Upside Risk ที่ไม่ได้รวมในประมาณการ
www.mitihoon.com
