S ทุ่ม 310 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ เข้าซื้อกิจการโรงแรมอีก 6 แห่ง

350

มิติหุ้น-บมจ.สิงห์ เอสเตท(S) แจ้งว่าได้เข้าลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมและรีสอร์ท รวมจํานวน 6 โครงการใน 4 ประเทศ อันได้แก่ (1) โรงแรม Outrigger Fiji Beach Resort ประเทศพีจี (2) โรงแรม Castaway Island ประเทศฟีจี (3) โรงแรม Outrigger Laguna Phuket BeachResort ประเทศไทย (4) โรงแรม Outrigger Koh Samui Beach Resort ประเทศไทย (5) โรงแรม Outrigger Mauritius Beach Resort ประเทศมอริเชียส และ(6) โรงแรม Outrigger Konotta Maldives Resort ประเทศมัลดีฟส์ จากกลุ่ม Outrigger Hotels Hawaii และในวันเดียวกัน บริษัทฯ ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายเงินลงทุนแบบมีเงื่อนไขบังคับก่อน (“สัญญาซื้อขายเงินลงทุน”) กับ APAC Real Estate Holdings LLC โดยได้กําหนดมูลค่าทรัพย์สินแบบปลอดหนี้สินและเงินสด (cash-free, debt-free basis) ที่ 310 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

บัดนี้การดําเนินการตามเงื่อนไขบังคับก่อนที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายเงินลงทุนได้สําเร็จลงอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว และ S Hotels and Resorts APAC (SG) Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 100 ได้ดําเนินการซื้อเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัท APAC Holding LLC (“บริษัทเป้าหมาย”) ในสัดส่วนร้อยละ 100 ของจํานวนเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัทเป้าหมาย ตามข้อตกลงในสัญญาซื้อขายเงินลงทุนเสร็จสิ้น เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2561 ทั้งนี้ ราคาซื้อขายสุดท้ายภายหลังการปรับปรุงด้วยยอดเงินสด หนี้สิน และเงินทุนหมุนเวียนสุทธิของธุรกิจปกติของกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทเป้าหมาย ณ สิ้นวันที่ 11 มิถุนายน 2561 เท่ากับ 235.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(หรือราว7.5 พัน ลบ.อิงอัตราแลกเปลี่ยน 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ) โดยแหล่งที่มาของเงินทุนในการเข้าทํารายการมาจากเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการของกลุ่มบริษัทฯ จํานวน 93.39 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินจํานวน 142 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

        การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับบริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้ทันที ส่งผลให้ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (SHR) บริษัทย่อยในกลุ่มสิงห์ เอสเตท มีความพร้อมที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ในปี พ.ศ. 2562  ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งจะทำให้ สิงห์ เอสเตท ก้าวขึ้นเป็น Premier Property Development and Investment Holding Company ระดับโลก และมีความพร้อมทางการเงินสำหรับโอกาสทางธุรกิจในอนาคต ซึ่งจากการลงทุนในครั้งนี้จะทำให้ บมจ.สิงห์ เอสเตท เป็นเจ้าของโรงแรมเพิ่มขึ้นอีก 6 แห่ง ประกอบด้วย โรงแรมเอาท์ริกเกอร์ ลากูน่า ภูเก็ต บีช รีสอร์ท, โรงแรมเอาท์ริกเกอร์ เกาะสมุย บีช รีสอร์ท, โรงแรมเอาท์ริกเกอร์ ฟิจิ บีช รีสอร์ท ประเทศฟิจิ, โรงแรมแคสต์อะเวย์ ไอส์แลนด์ ประเทศฟิจิ, โรแรมเอาท์ริกเกอร์ มอริเชียส บีช รีสอร์ท ประเทศมอริเชียส และโรงแรมเอาท์ริกเกอร์ โคน็อตต้า มัลดีฟส์ รีสอร์ท ประเทศมัลดีฟส์ ทำให้บริษัทฯมีพอร์ทธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท เพิ่มขึ้นรวมเป็น 37 แห่งทั่วโลก

         นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เป้าหมายของสิงห์ เอสเตท คือ การขับเคลื่อนบริษัทสู่ระดับโลก วางจุดยืนบริษัทเป็นนักลงทุนเน้นคุณค่า( Value Investor)  ตั้งเป้ารายได้รวม 20,000 ล้านบาทภายในปีพ.ศ. 2563 ทั้งนี้ การเข้าซื้อกิจการธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทของกลุ่มเอาท์ริกเกอร์ใน 4 ประเทศครั้งนี้ จะช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคง และลดความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก ให้กับพอร์ทการลงทุนของธุรกิจโรงแรม ผ่านการเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มลูกค้า กระจายการลงทุนในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำทั่วโลก”

            กลยุทธ์การดำเนินงานแบบ Smart M&A ของสิงห์ เอสเตท ได้ส่งผลให้สินทรัพย์รวมของบริษัทฯเติบโตขึ้นจากแผนที่วางไว้ มีมูลค่าสินทรัพย์ปัจจุบัน 40,900 ล้านบาท เมื่อรวมกับมูลค่าการลงทุนขนาดใหญ่ในโครงการครอสโร้ดส์ที่ประเทศมัลดีฟส์แล้ว คาดว่าจะทำให้สินทรัพย์รวมของสิงห์ เอสเตท เติบโตสูงถึง 60,000 ล้านบาท และสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ในระยะเวลาที่เร็วขึ้น

 

www.mitihoon.com