หุ้นไทยเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา เปิดซื้อขายในช่วงเช้า ดัชนีเขียวสดใส ตามตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น หลังจากสหรัฐฯ เริ่มมีท่าทีอ่อนลงในการตอบโตทางการค้ากับคู่ค้า
ขณะเดียวกัน หุ้นไทย โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงาน ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นแรงเกือบ 3 ดอลลาร์ โดยน้ำดิบ WTI สัญญาส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 0.50 ดอลลาร์ มาปิดที่ 68.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 0.82 ดอลลาร์ มาปิดที่ 74.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แต่พอย่างเข้าช่วงบ่ายๆ หุ้นไทยเริ่มออกอาการ “หลอกดาว” ลงมาเล่นกันในแดนลบซะงั้น
ปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนทั่วโลกเวลานี้ ยังคงเป็น “สงครามการค้า” ที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดฃนัลด์ ทรัมป์ ประกาศศึกกับคู่ค้าไปทั่ว ไล่ตั้งแต่ จีน อินเดีย ยุโรป จนล่าสุด ตลาดเริ่มกังวลว่าจะกลายเป็น “สงครามการเงิน” ในที่สุด เนื่องจากในปัจจุบัน ค่าเงินสกุลต่างๆ โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ “อ่อนค่าลง” เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
หลายฝ่ายเริ่มวิตกกังวลต่อผลกระทบจาก “สงครามการค้า” มากขึ้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ ได้ประชุมหารือสถานการณ์การออกมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ และการออกมาตรการตอบโต้ของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของสหรัฐฯ เพื่อประเมินผลกระทบและเตรียมแนวทางรับมือ
เบื้องต้น กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า เริ่มเห็นผลกระทบต่อการส่งออกของไทยแล้ว โดยมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเครื่องซักผ้าและโซลาร์เซลล์ ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ช่วงต้นปี ทำให้ไทยส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังสหรัฐฯ ได้น้อยลง เปรียบเทียบมูลค่าส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้กับปีก่อน พบว่ามูลค่าการส่งออกเครื่องซักผ้าและโซลาร์เซลล์ลดลงมากกว่า 30% และ 50% ตามลำดับ นอกจากนี้ สินค้าเหล็กและอลูมิเนียม ก็มีแนวโน้มว่าจะส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลงเช่นกัน
สำหรับสถานการณ์การตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนซึ่งเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ 2 อันดับแรกของโลก ย่อมส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการค้าโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บั่นทอนบรรยากาศการค้าการลงทุนทั่วโลก รวมถึงผู้ส่งออกในจีนและสหรัฐฯ อาจเริ่มมองหาตลาดอื่นทดแทน
อย่าประมาทนะครับ.
“บิ๊กเซ็ต”
www.mitihoon.com