มิติหุ้น-ปัญหาความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical tension), นโยบายการเงินที่สวนทางของธนาคารกลางประเทศต่างๆ และราคาน้ำมันที่ผันผวน เป็นปัจจัยที่ทำให้ทำให้หลักทรัพย์กรุงศรีมองว่ายังคงเป็นอุปสรรคสำคัญของ SET อยู่ในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่นักลงทุนเองก็มีความระมัดระวังในการลงทุนหลังจากที่ปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศไม่มีทีท่าจะคลี่คลายได้โดยเร็ว อีกทั้งยังคงมีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่เร่งตัวขึ้นเป็น -1.79 แสนล้านบาท (YTD) ซึ่งเร็วกว่าวิกฤติรอบก่อนในช่วงที่เกิดวิกฤติการทางการเงินปี 2008 อย่างมีนัยสำคัญ
ถึงแม้เราเชื่อว่าปัจจัยเรื่องสงครามการค้าจะกดดันตลาดในระยะสั้น เนื่องจากธนาคารกลางประเทศต่างๆ พากันปรับขึ้นดอกเบี้ย และค่าเงินดอลลาร์ก็แข็งขึ้น แต่เราก็มองว่าไม่น่าจะเห็นการดีดกลับได้อย่างมั่นคงของ SET Index เนื่องจากประเทศไทยเองก็ยังขาดปัจจัยกระตุ้นที่แข็งแกร่งในประเทศ เนื่องจากยังอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอน และภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลง ขณะที่ปัจจัยเชิงบวกต่อมุมมองของเราน่าจะเกิดจากการ Fed ยกเลิกแผนการขึ้นดอกเบี้ยทั้งสองครั้งในปีนี้, ธนาคารกลางจีนอัดฉีดสภาพคล่องเข้าไปในระบบอย่างมีนัยสำคัญ, และข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนคลี่คลายไปได้
นักเศรษฐศาสตร์กรุงศรีได้ปรับเพิ่มประมาณการอัตราการเติบโตของ GDP ประเทศไทยในปี 2018 ขึ้นจากเดิม 4.0% เป็น 4.7% โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของการส่งออก, การท่องเที่ยว, การลงทุน และการบริโภคภาคเอกชน แต่อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งยังส่งผ่านไปไม่ถึงกำไรของบริษัทจดทะเบียนใน 1Q18 เพราะบริษัทจดทะเบียนใน SET อยู่ในภาคการส่งออกไม่มากนัก
ขณะที่เรามองว่าประมาณการกำไรของบริษัทใน 2H18 น่าจะยังมี upside อีกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ขยายออกไปในวงที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ เรามองว่าเงินเฟ้อยังมีความเสี่ยงด้าน upside (โดยขยับขึ้นมาอยู่ในช่วงเงินเฟ้อเป้าหมายของ ธปท. แล้ว) เรามองว่ากระเสเงินทุนไหลออก และความเสี่ยงที่จะหลุด curve อาจจะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งอาจจะทำให้ GDP มีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลง
เราเชื่อว่าความเสี่ยงของตลาดที่แท้จริงอยู่ที่การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางประเทศต่างๆ ซึ่งความตึงเครียดจากสงครามทางการค้าที่ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจะทำให้ภาวะตลาดอยู่ในโหมดของการหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง แต่เรามองว่าผลกระทบจากภาษีจากสงครามทางการค้าไม่น่ามีต่อผลประกอบการบริษัทใน SET อย่างมีนัยสำคัญ โดยเป้า SET ของเราอิงจาก P/E ปี 2018 ที่ 15x เท่ากับค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง ซึ่งได้สะท้อนถึงช่วงการเกิดปัญหาของเศรษฐกิจและการปรับตัวของตลาดโลกในช่วงที่มีปัญหา และการขาดปัจจัยกระตุ้นภายในประเทศ ทำให้เรามองว่า SET Index ในปัจจุบันเหลือ upside ไม่มาก
ทั้งนี้ เรามองว่า Downside ของ SET Index อยู่ที่ 1,580 (P/E ปี 2018 ที่ 14.5x หรือเท่ากับค่าเฉลี่ย -0.5SD) เรา Overweight หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล (กำไรมีแนวโน้มแข็งแกร่งใน 2H18 และหุ้นไม่ค่อยผันผวน) และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (เป็นหุ้น domestic play ที่ Valuation น่าสนใจ และกำไรมีแนวโน้มดีขึ้นชัดเจนใน 2H18) และหุ้นที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังคงได้ประโยชน์จากเติบโตขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
โดยคอลัมน์กรุงศรีทอล์ก โดยบล.กรุงศรี
www.mitihoon.com