มิติหุ้น-บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป หรือ CHAYO ที่รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส2/2561 ที่ 1,719 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 14 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากรายได้ค่าดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลจากสินเชื่อที่เติบโตหลังโอนสินเชื่อมาจาก SCBT และยังทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น แต่ลดลง 2 % จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง โดยเฉพาะกำไรจากเงินลงทุนนั้น ส่วน NPL ที่เพิ่มขึ้นได้กดดันให้ราคาหุ้นปรับตัวลง
ด้านบล.เคจีไอ(ประเทศไทย ยังคงคำแนะนำให้ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายที่ 118 บาท/หุ้น เนื่องจากกำไรสุทธิใน 1H61 คิดเป็น 48.5% ของประมาณการกำไรทั้งปี โดยยังคงประมาณการกำไรทั้งปี 2561/62 เอาไว้เท่าเดิม โดยอิงจากสมมติฐานอัตราการเติบโตของสินเชื่อปี 2561/62 ที่ 2% , 7% NIM ที่ 4 %/4 % และ Credit cost ที่ 103bps/100bps และสัดส่วนต้นทุน/รายได้ที่ 43 %/42 % ทั้งนี้จากการที่บริษัทควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี และกำไรก็มีศักยภาพที่จะเติบโต จึงแนะนำราคาเป้าหมายไว้ที่ 118 บาท อิงจาก PE 13 เท่า
ขณะที่ บทวิเคราะห์ บล. เอเชียเวลท์ คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายที่ 103 บาท/หุ้น โดยมองว่า TISCO ยังดูน่าสนใจอยู่จากพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ทั้งในด้านเงินทุน คุณภาพสินทรัพย์ และ ROE จึงเชื่อว่าข้อได้เปรียบเหล่านี้จะทำให้ธนาคารก้าวผ่านปัจจัยท้าทายต่างๆได้ แม้สินเชื่อด้อยคุณภาพที่กระโดดขึ้นในไตรมาส2/2561 ก็ตาม ซึ่งมาจากลูกค้า SME รายหนึ่ง แต่ผู้บริหารไม่กังวลกับประเด็นดังกล่าว เนื่องจากถือว่าเป็นปัญหาเฉพาะตัว อีกทั้งลูกหนี้รายนี้มีฐานสินทรัพย์ที่สูง และมีหลักทรัพย์ค้ำประกันที่เป็นที่ดิน ซึ่งมีมูลค่าครอบคลุมมูลหนี้ จึงไม่มีคามจำเป็นต้องตั้งสำรอง
เช่นเดียวกับบทวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ก็เช่นกันคงราคาพื้นฐานที่ 96 บาท และแนะนำ “ซื้อ” และยังคงประมาณการกำไรทั้งปีของปีนี้ที่ 6,900 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 13.5 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถึงแม้ว่าสินเชื่อจะไม่ได้เติบโตมาก แต่ส่วนต่างราคายังมีพอสมควร และยังจัดเป็นหุ่นปันผลเด่นด้วย
www.mitihoon.com