EA โชว์สุดยอดนวัตกรรมฝีมือคนไทย รถยนต์ไฟฟ้า- ผลิตภัณฑ์ต่อยอดน้ำมันปาล์ม พร้อมเตรียมขึ้นโรงงานแบตฯ

175

มิติห้น-EA ยกรถยนต์ไฟฟ้า-เครื่องอัดประจุไฟฟ้า-แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน-ผลิตภัณฑ์ต่อยอดน้ำมันปาล์ม ฝีมือการคิดค้นและวิจัยพัฒนาของคนไทย เข้าร่วมโชว์ในงาน Thailand Industry Expo 2018 ด้านผู้บริหาร “สมโภชน์ อาหุนัย” พร้อมแจ้งเกิดรถยนต์ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ MINE Mobility ไร้มลพิษ เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ง่ายต่อการบำรุงรักษา คุ้มค่าในระยะยาว พร้อมโชว์ผลงานค้นคว้าวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ขั้นสูงผลิตจากน้ำมันปาล์ม มั่นใจช่วยแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำได้อย่างยั่งยืน

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ร่วมนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมที่ค้นคว้าวิจัยและพัฒนาด้วยทีมงานของบริษัทในงาน Thailand Industry Expo 2018 ที่จัดโดยกระทรวงอุตสาหกรรม ระหว่างวันที่ 2-5 สิงหาคม ณ อาคารชาเลนเจอร์ 3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมี ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ จันทรโอชา เป็นประธานเปิดงานในวันที่ 2 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา ทั้งนี้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่นำมาแสดงล้วนแล้วแต่เป็นนวัตกรรมที่สำคัญระดับโลก และระดับประเทศ ที่จะขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคตของ EA ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ภายในงาน EA ได้แสดงถยนต์ต้นแบบภายใต้แบรนด์ MINE Mobility รถยนต์ไฟฟ้าที่ออกแบบและผลิตโดยฝีมือคนไทยเป็นรายแรก ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดยเป็นผลงานจากการออกแบบของทีมงาน EA ด้วยคอนเซ็ปต์ MISSION NO EMISSION พันธกิจไร้มลพิษ ที่มุ่งเน้นการสร้างยานยนต์ที่ไร้มลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประหยัดและปลอดภัย ง่ายต่อการบำรุงรักษา ให้ความคุ้มค่าในระยะยาว โดยรถยนต์ที่นำมาแสดงเป็นรุ่น MINE MPV EV รถอเนกประสงค์แบบ MPV ที่ภายในกว้างทั้ง 4 ที่นั่ง  ทำสปีดได้สูงสุด 140 กม./ชม. วิ่งได้ระยะทางประมาณ 200 กม. เมื่อประจุแบตเตอรี่เต็ม โดยหากใช้เครื่อง Quick Charge ของ EA ซึ่งทันสมัยที่สุดในประเทศ จะใช้เวลาชาร์จไม่เกิน 15 นาที จัดแสดงคู่กับเครื่องชาร์จที่ใช้อัดประจุไฟฟ้าทั้งแบบ Normal Charge และ Quick Charge รองรับการใช้งานของรถยนต์ทุกรุ่น

พร้อมนี้ EA ยังได้แสดงอย่างเซลแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเทคโนโยลี STOBA ซึ่งปลอดภัย ไม่ระเบิด และเป็นเทคโนโลยีที่ชนะเลิศได้รับรางวัล R&D 100 ปี 2017 นับเป็นรางวัลด้านการวิจัยและพัฒนาระดับโลก

  เพื่อตอกย้ำความพร้อมของบริษัทในการเดินหน้าตามแผนงานสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ขนาดกำลังผลิต 50 กิ๊กะวัตต์ชั่วโมง ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลกและใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย โดยแบตเตอรี่ที่ผลิตได้จะนำไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพระบบการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าของทั้งประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงนำไปใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย

ในส่วนของสายธุรกิจไบโอดีเซลนั้น ได้แสดงตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากน้ำมันปาล์ม ซึ่งเรียกว่ากรีนดีเซล และ PCM ที่ทีมวิจัยและพัฒนาของ EA ได้มีการศึกษากันมากว่า 3 ปีแล้วจนประสบความสำเร็จ และติดตั้งเครื่องจักรเพื่อเริ่มทดลองผลิตแล้วเป็นรายแรกของไทย โดยกรีนดีเซลต่อยอดพัฒนาจากการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลแบบเดิมให้ดีขึ้นจนมีคุณสมบัติใกล้เคียงน้ำมันดีเซลที่กลั่นจากน้ำมันดิบแต่มีประสิทธิภาพสูงกว่า สามารถนำไปผสมในน้ำมันดีเซลปกติได้เพิ่มเติมจากไบโอดีเซลแบบเดิม ทำให้เครื่องยนต์สะอาด ลดปริมาณมลพิษจากท่อไอเสียของเครื่องยนต์และลดการใช้น้ำมันดีเซลที่ผลิตจากน้ำมันดิบได้อย่างมาก  จึงเป็นที่ต้องการของตลาดมาก

สำหรับ PCM หรือ Phase Change Material เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากน้ำมันปาล์มเป็นรายแรกๆ ของโลก โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง PCM เป็นสารที่สามารถปรับเปลี่ยนสภาพการเป็นของแข็งของเหลวเพื่อควบคุมอุณหภูมิ และลดการใช้พลังงานได้เป็นอย่างดี จึงเป็นที่ต้องการของตลาดมากโดยเฉพาะต่างประเทศ สามารถจำหน่ายได้ในราคาสูง

“ท่ามการปรับเปลี่ยนทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วนี้ เราได้คาดการณ์และเตรียมแผนธุรกิจไว้ล่วงหน้าแล้ว จะเห็นได้ว่า EA มุ่งมั่นและใช้เวลาในการศึกษาเตรียมการเพื่อจะนำเทคโนโลยีมาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ซึ่งนอกจากจะเพิ่มการเติบโตให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่องและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าแล้ว ผลิตภัณฑ์ใหม่คือ กรีนดีเซลและ PCM ยังมีส่วนในการช่วยเพิ่มความต้องการน้ำมันปาล์มเพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุดิบการผลิตได้ถึง 1 ล้านไร่ ซึ่งผมมั่นใจว่าสิ่งที่เราคิดค้นขึ้นมาทั้งหมดโดยฝีมือคนไทย จะเป็นส่วนสำคัญในการลดปัญหาราคาพืชผลของชาวสวนปาล์มได้อย่างยั่งยืนในอนาคต”นายสมโภชน์กล่าวในที่สุด

ที่มา: ทีมงานประชาสัมพันธ์  (EA) 

www.mitihoon.com