บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป หรือ TU ผู้ผลิตอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก แจ้งว่า บริษัทมีกำไร ไตรมาส 2/2561 ที่ 9.64 ล้านบาท ลดลงราว 99% จากงวดไตรมาสเดียวกันปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 1.42 พันล้านบาท เนื่องจากยอดขายลดลง และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน รวมทั้งบริษัท Chicken of the Sea ซึ่งเป็นในเครือในต่างประเทศได้ตั้งสำรองค่าใช้จ่ายราว 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(หรือราว 1,450 ล้านบาทอิงจากอัตราแลกเปลี่ยน 33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ) ภายหลังบริษัท Chicken of the Sea ทำข้อตกลงจ่ายค่าชดเชยให้กับ วอลมาร์ท ในการดำเนินคดีต่อต้านการผูกขาดในสหรัฐอเมริกา( Antitrust) และคดีอื่นๆ
นอกจากนี้ TU ยังแจ้งจ่ายปันผลเป็นเงินสด อัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสดหุ้นละ 0.25 บาท พร้อมขึ้นเครื่องs,kp XD ในวันที่ 20 สิงหาคม 2561 วันที่จ่ายปันผลวันที่ 03 กันยายน 2561
ขณะที่บทวิเคราะห์บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) แนะซื้อเก็งกำไร TU โดยคาดว่า อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เมื่อราคาทูน่าทรงตัวมากขึ้น และ 3. ปัจจัยบวกจากแนวโน้ม upside ต่อกำไรจากความพยายามของ TU ในการเจาะตลาดจีนและนพเสินผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม คาดว่าราคากุ้งจะทรงตัวสูงขึ้นในระยะกลางจาก 1. ปริมาณการขายที่มากขึ้นจากความต้องการจากต่างประเทศ และ 2. การส่งออกไปจีนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น สมาคมกุ้งไทยคาดการผลิตเพื่อส่งออกกุ้งไทยปีนี้ จะเติบโตได้ 10 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคาดว่าจะส่งออกได้ 2.2 แสนตัน จึงให้ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 20.60 บาท