ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า คาดแนวโน้มดัชนี้ตลาดหุ้นไทยในช่วงระยะสั้นปรับตัวลดลง โดยมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1,682-1,685 จุด เนื่องจากได้รับปัจจัยจากตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะประเด็นจากการปรับตัวลดลงของค่าเงินตุรกี หลังสหรัฐอเมริกาประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม
ขณะเดียวกันมองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยยังมีลุ้นโอกาสการรีบาวด์กลับมายืนแดนบวกได้โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1,692-1,705 จุด เนื่องจากกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยยังมีแนวโน้มเติบโตต่อ แรงกดดันจากตุรกีเป็นปัจจัยระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งหากมองจากปัจจัยพื้นฐานการเทรดของไทย ถือว่าแข็งเกร่งกว่าตุรกี ประกอบกับไทยยังมีการส่งออกไปในตุรกีเพียง 0.5% และนำเข้าที่ 0.1% แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตาทิศทางค่าเงินตุรกีอย่างต่อเนื่อง หากมีการอ่อนค่าจะส่งผลให้การเคลื่อนย้านเงินลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงได้
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้เลือกหุ้นกลุ่มที่มีผลประกอบการเติบโตโดนเด่น เช่น BJC ผลงานไตรมาส 2/61 โตกว่าที่คาดการณ์ไว้ และช่วงครึ่งปีหลัง 61 จะเติบโตต่อเนื่อง แนะนำให้ซื้อราคาเป้าหมายที่ 68.00 บาท กลุ่มโรงพยาบาล CHG ราคาเป้าหมาย 2.50 บาท และกลุ่มรับเหมา STEC ราคาเป้าหมายที่ 25.00 บาท
www.mitihoon.com