ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ผลิตไฟฟ้า หรือ EGCO ผู้ประกอบการผลิตไฟฟ้า โดยนายจักษ์กริช พิบูลย์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/61 จะดีกว่าไตรมาส 2/61 หลังจากค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้น จะส่งผลให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ประกอบกับมีประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าที่ดีขึ้น
ขณะที่ภาพรวมผลประกอบการทั้งปีมั่นใจว่ากำไรจากการดำเนินงานจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 6% ซึ่งไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายหุ้นอีสท์ วอเตอร์, บริษัท จีเดด และโรงไฟฟ้ามาซิลอค และอัตราแลกเปลี่ยน
ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ราว 4,260 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง 3 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 544 เมกะวัตต์ตามสัดส่วนการถือหุ้นจากโครงการไซยะบุรี 160 เมกะวัตต์ คาดว่าจะแล้วปลายปีนี้เร็วกว่ากำกนดในปี 62 ซึ่งจะทำให้สามารถปลิตไฟฟ้าได้ก่อนบางหน่วย โครงการซานบัวนาเวนทูรา 223 เมกะวัตต์ กำหนด COD ปี62 โครงการโรงไฟฟ้าน้ำเทิ่น1 ขนาด 161 เมกะวัตต์ COD ปี65
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาลงทุนโครงการใหม่เพิ่มเติม 2-3 โครงการทั้งที่เป็นพลังงานทดแทนและเชื่อเพลิงฟอสซิล โดยมีกำลังการผลิตรวมกว่าที่ขายไปในปีนี้ซึ่งรูปแบบการลงทุนจะเป็นทั้งซื้อกิจการและพัฒนาโครงการใหม่ โดยคาดหวังว่าจะสามารถสรุปลงทุนได้ทั้งหมดภายในปีนี้
โดยบริษัทมีเงินสดในมือราว 3.5 หมื่นล้านบาทสำหรับขยายการลงทุน ขณะเดียวกัน จะพิจารณากู้เงินมาเสริมการลงทุนด้วยหากมีอัตราดอกเบี้ยต่ำ ส่วนเงินลงทุนปีนี้อยู่ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยใช้ลงทุนไปแล้ว 800 ล้านบาท เหลือเงินลงทุน 11,200 ล้านบาทใช้ลงทุนต่อเนื่องโครงการไซยะบุรี น้ำเทิ่น1 และซานบัวนาเวนทูรา ส่วนความคืบหน้าแผนลงทุนพัฒนาพื้นที่โรงไฟฟ้าเก่าที่ จ.ระยอง 500 ไร่ เป็นนิคมอุตสาหกรรม อยู่ระหว่างการเจรจาหาพันธมิตรร่วมลงทุน และดำเนินการทำ EHIA
www.mitihoon.com