Valuation ยังตึง ระวังข่าวร้ายอาจทำให้ตลาดพักได้

120

ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมาตลอดทั้งสัปดาห์ยังแกว่งตัวด้วยปริมาณซื้อขายที่เบาบางต่อเนื่องตามที่เราคาด สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังอยู่ในโหมดของการ Wait&See รอความชัดเจนของประเด็นข่าวสารต่างๆ ในขณะที่ Valuation ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันที่เริ่มตึงตัว โดยประมาณการ EPS ของ SET index ในปี 2561 (ข้อมูล Bloomberg consensus) ยังย่ำอยู่ที่ 107.9 บาท/หุ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 5 – 10 ปีกลับเร่งตัวขึ้นตามการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งในกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายควรจะเป็นสถานการณ์ที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนเร่งตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ในรอบนี้หลังการรายงานผลประกอบการ 2Q61 เสร็จสิ้นในช่วงกลางเดือน ส.ค. Consensus กลับไม่มีการปรับประมาณการฯขึ้น ส่งผลให้เราเริ่มกังวลต่อประเด็นเรื่อง Valuation ของตลาดหุ้นไทย ทำให้เราประเมินว่า i) กรณีมีข่าวดีการปรับขึ้นของ SET index จะไม่แรง โดยฝ่ายวิจัยฯประเมินเป้าหมาย SET index สิ้นปีอยู่ที่เพียง 1740 จุด (อิงเป้า PE บริเวณ 16 เท่า) ii) กรณีที่มีข่าวลบเข้ามา โดยเฉพาะจากปัจจัยภายนอกอาจทำให้ SET index มีการปรับลงได้ โดยเฉพาะหุ้นใหญ่ที่ปรับตัวขึ้นมาแรงก่อนหน้า

ปัจจัยที่นักลงทุนควรจับตาในสัปดาห์นี้ คือความคืบหน้าเรื่องการเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับประเทศต่างๆ (ขณะที่เราเขียนต้นฉบับนี้ ยังไม่ได้ข้อสรุปการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ – แคนาดา ที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงสุดสัปดาห์) โดยเฉพาะกับประเทศจีน อย่างไรก็ดี แม้ปัจจัยต่างประเทศจะยังคงกดดันบรรยากาศการลงทุนโดยรวมอยู่บ้างก็ตาม แต่เราคาดจะมีปัจจัยบวกในประเทศ ที่จะช่วยถ่วงดุลข่าวสารด้านลบจากต่างประเทศได้บ้าง คือ การคลายล๊อกพรรคการเมือง ให้สามารถจัดกิจกรรมการเมืองได้ และตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือน ก.ค.61 ที่รายงานวันศุกร์ที่ผ่านมา น่าจะส่งสัญญาณแนวโน้ม GDP ไทย 3Q61 ได้ (ฝ่ายวิจัยฯคาดว่าน่าจะยังเติบโตต่อเนื่องจาก 2Q61)

เมื่อสรุปรวมปัจจัยต่างๆข้างต้นจะเห็นได้ว่า ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ยังคงมีโอกาสผันผวนได้ตลอดจนกว่าข้อมูลข่าวสารต่างๆจะเริ่มมีความชัดเจนมากกว่านี้ เรายังประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีในสัปดาห์นี้ไว้ที่ 1680 – 1740 จุด

เราแนะนำจังหวะตลาดผันผวน ลบสลับบวก จะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นพื้นฐานดีกำไรเติบโต / มีสตอรี่การลงทุนที่ชัดเจน ในช่วงที่ตลาดย่อตัวลงมา กลุ่มที่น่าสนใจได้แก่ i) กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (กำไรพ้นจุดต่ำสุด + ดอกเบี้ยขาขึ้น) KBANK, BBL, SCB, KTB / ii) กลุ่มค้าปลีก (การบริโภคในประเทศฟื้น + ความเชื่อมั่นผู้บริโภคทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง) CPN, COM7, CPALL / iii) กลุ่มนิคมฯ (ธีม EEC) AMATA, WHA / iv) กลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี (ราคาพลังงานยืนสูง + Spread บางชนิดยืนสูง) SGP, IVL, BANPU เป็นต้น

โดยสุโชติ ถิรวรรณรัตน์

ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)

www.mitihoon.com