อัตราเงินเฟ้อของไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยกระทรวงพาณิชย์ แถลงเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อทั่วไปประจำเดือน ส.ค.2561 เท่ากับ 102.27 เพิ่มขึ้น 1.62% เทียบช่วงเดียวกันก่อน เป็นการสูงขึ้นต่อเนื่องเดือนที่ 14 และเพิ่มขึ้น 0.26% จากเดือน ก.ค.2561 ส่งผลให้เฉลี่ย 8 เดือน อัตราเงินเฟ้อ เพิ่มขึ้น 1.12% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่เพิ่มขึ้น หลักๆ เป็นผลจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูง โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์เฉลี่ยเดือน ส.ค.อยู่ที่ 77.15 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนถึง 47.2%
กระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์เงินเฟ้อไตรมาส 3 จะเพิ่มขึ้น 1.35% และไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น 1.5% ทั้งปีจะอยู่ที่ 1.2% หรืออยู่ในกรอบที่ประเมินไว้ 0.8-1.6% ภายใต้สมมุติฐาน เศรษฐกิจไทยขยายตัว 4.2-4.7% น้ำมันดิบตลาดดูไบเฉลี่ย 60-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยคาดครึ่งปีหลังราคาน้ำมันดิบจะอยู่ในกรอบ 65-75 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยนทั้งปีอยู่ในกรอบ 32-34 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ
ขณะที่ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2561 จะเพิ่มขึ้น 1.1% เทียบปีก่อน ปรับลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 1.3%
สัญญาณเงินเฟ้อขาขึ้นบ่งบอกชัดเจน เนื่องจากเงินเฟ้อของเดือน ส.ค.สูงขึ้นเป็นเดือนที่ 14 ทำให้เกิดคำถามว่า ถึงเวลาที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย จะปรับขึ้นดอกบี้ยได้หรือยัง หลังจากที่ตรึงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี ต่อเนื่องเป็นเวลานับสิบไตรมาส
ขณะที่ สายงาน Global Business Development and Strategy ธนาคารกรุงไทย ระบุว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 19 ก.ย.2561 เชื่อว่า กนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.50% แต่จะส่งสัญญาณชัดเจนขึ้นว่า จะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในระยะต่อไปด้วยเหตุผลเรื่องเสถียรภาพทางการเงินและความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต
นอกจากนี้ คาดว่าจะมีการปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้นในการประชุมครั้งนี้ด้วย ซึ่งหากดูอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะ 3 เดือน จะเห็นว่าปรับตัวลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะ 6 เดือน ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะสะท้อนมุมมองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า เป็นไปได้น้อยกว่า เมื่อเทียบกับการปรับขึ้นในช่วง 6 เดือนข้างหน้า
วิเคราะห์แบบนี้ ดูเหมือนว่า ดอกเบี้ยไทยจะขึ้นยากซะแล้ว
“บิ๊กเซ็ต”
