ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.การบินไทย หรือ THAI โดยนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังมอบนโยบายกับผู้บริหารการบินไทยว่า ยังคงให้การบินไทยเดินหน้าตามแผนฟื้นฟูเดิมที่ได้ตกลงไว้กับคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ไว้ ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะหยุกขาดทุนและกลับมามีกำไรได้ในปี 2562 หรือไม่ เนื่องจากว่าธุรกิจสายการบินมีความเสี่ยงเรื่องราคาน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวน
ทั้งนี้ปัจจุบันราคาน้ำมันอยู่ในระดับ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลซึ่งต้องเร่งหาวิธีป้องกันความเสี่ยงที่ดีขึ้นกว่านี้อีก ส่วนการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนให้ไปศึกษาการบริหารการเงินของ บมจ.ปตท. หรือ PTT ที่ได้จัดตั้งบริษัท ปตท.ศูนย์บริหารเงิน จำกัด (PTT RTC) ในประเทศสิงคโปร์ ที่เป็นศูนย์บริหารการเงินอย่างมีประสิทธิภาพและครบวงจร ช่วยลดต้นทุนทางการเงินในการหาแหล่งเงินทุน
ส่วนแผนซื้อฝูงบินใหม่ 23 ลำมูลค่ากว่า 100,000 ล้านบาทยังเป็นเรื่องสำคัญต้องเดินหน้าต่อไป โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเสนอต่อรัฐมนตรีคมนาคม และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ขณะที่แนวทางการช่วยเหลือสายการบินนกแอร์ในฐานะไทยกรุ๊ป ตนไม่ได้มีคำสั่งพิเศษ เพียงแต่มอบหมายให้บอร์ดตัดสินบนพื้นฐานของเหตุและผล เรื่องการเพิ่มทุนนกแอร์ ขณะนี้ยังไม่ได้มีการหารือ
ขณะภาพรวมผลประกอบการในปีนี้อาจจะได้รับผลกระทบจากพายุเชบี และแผ่นดินไหว้ในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากสายการบินไทยต้องหยุดบินในบางเมือง
ด้านนายสุมเธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) การบินไทย กล่าวว่า การบินไทยมีต้นทุนทรัพย์กรที่ดีอยู่แล้วทั้งบุคคลากร และเส้นทางบินซึ่งยังอยู่ในมิติที่แข่งขันได้เพียงแต่วันนี้ต้องบริหารต้นทุนน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยนให้ดีขึ้นกว่านี้ โดยปัจจุบันมีต้นทุนเชื้อเพลิง 30% ของรายได้ ขณะเดียวกันต้องมีการจัดการทรัพย์สินโดยการขายทรัพย์สินบางอย่างที่ไม่เกิดประโยชน์เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน
โดยการดำเนินตามแผนฟื้นฟูก็เร่งให้สามารถหยุดขาดทุนได้เร็วที่สุด ขณะอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) คาดว่าปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายเฉลี่ยในระดับ 80%
ส่วนการย้ายพื้นที่ให้บริการผู้โดยสารของสายการบินไทยไปอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้นยังไม่ได้หารือกับทาง บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT แต่จะมีการหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปภายในเดือนนี้
www.mitihoon.com
