PPS ลุ้นคว้างานใหม่หลายแห่ง ผนึกพันธมิตรต่างชาติรับงานเพิ่ม

117

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส หรือ PPS โดยนายพงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมเข้าประมูลงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เช่น งานรถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้ารางคู่ ซึ่งคาดข้อกําหนดของผู้ว่าจ้าง (TOR) จะออกมาในเดือนตุลาคมนี้ และยังมีงานภาคเอกชน เช่น งานโครงการคอนโดมีเนียม, ศูนย์ค้าปลีก และอาคารสำนักงาน เป็นต้น

ขณะเดียวกันบริษัทได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจวิศวกรที่ปรึกษาบริหารโครงการ ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก โดยร่วมมือกับพันธมิตรต่างประเทศที่มีความเชี่ยวชาญด้านงานรถไฟฟ้า งานเรือ เพื่อร่วมรับงานที่ปรึกษาในประเทศ และมีแผนการทำงานร่วมกับลูกค้ากลุ่มค้าปลีกที่มีแผนขยายสาขาในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการปรับกลยุทธ์ดังกล่าว ถือเป็นการเพิ่มโอกาสการรับงานทั้งในและต่างประเทศของบริษัท

โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) มูลค่ารวม 332 ล้านบาท จะรับรู้ภายในช่วงครึ่งปีหลังประมาณ 149 ล้านบาท นองจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมเซ็นสัญญารับงานเพิ่มจำนวน 2 งาน มูลค่างานรวม 105 ล้านบาท จากเดอะ มอลล์ กรุ๊ป ซึ่งจะส่งผลให้ Backlog เพิ่มขึ้นเป็น 437 ล้านบาท รับรู้ถึงปี 2563

อย่างไรก็ตาม บริษัทปรับเป้าหมายรายได้ปีนี้ลงเหลือ 400 ล้านบาท จากเป้าหมายรายได้เดิมที่ 450 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 398 ล้านบาท เนื่องงานผู้รับเหมาโครงการดำเนินงานล่าช้า ส่งผลให้บริษัทมีการรับรู้รายได้ช้ากว่า

ที่กำหนด ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้รวมที่ 194.76 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 14.51 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้มาจากงานโครงการของภาครัฐ 70% และงานภาคเอกชน 30%

สำหรับแผนขยายตลาดไปต่างประเทศ บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาลงทุนตั้งบริษัท เพื่อรับงานในประเทศเวียดนาม ปัจจุบันมีลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการด้านศูนย์การค้าในประเทศไทย ซึ่งเป็นลูกค้าเดิมของบริษัท จะเข้าไปลงทุนก่อสร้างศูนย์การค้าในประเทศเวียดนาม จึงถือเป็นโอกาศในการขยายงานเพิ่ม โดยจะยื่นเสนอรับงานดังกล่าว ภายในเดือนมกราคม 2562

ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทย่อย โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาควบรวม ขายหุ้น หรือยุบกิจการ และมีแผนขยายขอบเขตการทำงาน โดยเพิ่มการรับงานตกแต่งภายใน และการรับงานแบบจ้างเหมาเบ็ดเสร็จ (turnkey) ดำเนินการตั้งแต่ออกแบบสถาปัตย์ ออกแบบโครงสร้าง คุมงานก่อสร้าง จนถึงงานแล้วเสร็จ ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างของบริษัทย่อยดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพ เพิ่มโอกาสในการรับงาน และควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ บริษัท โปรฟิน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนดำเนินธุรกิจ Project Financing และ ICO Portal อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในการเป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายดิจิทัล คาดจะทราบผลภายในเดือนพฤษจิกายนนี้ ขณะนี้มีบริษัทที่สนใจจะระดมทุนด้วยการเสนอขายสินทรัพย์ดิจิทัล (ICO) อยู่ระหว่างการเจรจา 4-5 ราย

www.mitihoon.com