ขอต้อนรับท่าน ดีดีการบินไทยคนใหม่ (กรรมการผู้อำนวยการใหญ่) “สุเมธ ดำรงชัยธรรม” และท่านประธานกรรมการบริษัท “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” เข้าสู่เกมส์แผนฟื้นฟูการบินไทย สายการบินแห่งชาติ ที่คนไทยต่างจับตามองว่า เมื่อไหร่จะหยุดขาดทุนและกลับมาพลิกเป็นกำไร
ภายใต้ความคาดหวังของพนักงานและรัฐบาล สร้างความกดดันไม่น้อยให้กับ 2 หัวเรือใหญ่ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ว่าจะสามารถพาการบินไทยติดลมบน เป็นสายการบินระดับพรีเมี่ยม หรือติด 1 ใน 5 สายการบินของชาติที่ดีที่สุดในโลกได้หรือไม่
แต่สำคัญไปกว่าเป็นสายการบินพรีเมี่ยม คือ การหยุดขาดทุนแล้วพลิกกลับมามีกำไร
ซึ่งหัวเรือใหญ่ทั้ง 2 คน มีเวลาให้พิสูจน์ฝีไม้ลายมือถึงปี 2565 ที่ตั้งเป้าล้างขาดทุนสะสมปัจจุบันอยู่ที่ 21,758.50 ล้านบาท และตั้งเป้าหยุดขาดทุนในปี 2563 แต่ในระยะเวลาอันใกล้ 3 เดือนต้องปรับแผนซื้อเครื่องบินใหม่เสริมฝูงบินให้แข็งแกร่งขึ้น ก่อนการขีดเส้นตายของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
แผนซื้อเครื่องบินใหม่ เป็นอาวุธสำคัญในการทำรายได้ให้เติบโตขึ้น ถึงขั้นที่ ดร.สมคิด ถึงกับเอ่ยปากบนเวทีให้ผู้บริหารธนาคารกรุงไทย “นายผยง ศรีวณิช” พิจารณาเรื่องเงิน พร้อมย้ำชัดเจน ต้องเสร็จก่อนสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์สร้างการเติบโต นอกจากเร่งซื้อเครื่องบินใหม่เข้าฝูงแล้ว ยังต้องเร่งดำเนินการทำการตลาดแบบดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง หาพันธมิตรเครือข่ายสายการบินทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงพันธมิตรที่เป็นรัฐวิสาหกิจร่วมยุทธศาสตร์ พร้อมเสริมศักยภาพสร้างรายได้ ลดต้นทุนด้วยธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบิน เช่น ธุรกิจเคเทอริ่ง หรือครัวการบินไทย และศูนย์ซ่อมอากาศยาน
ท่ามกลางการแข่งขันอันหฤโหด ท่ามกลางภาวะราคาน้ำมันที่อยู่ระดับสูง ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อีกมากมาย ต้องจับตามองว่า การมารับตำแหน่งใหม่ทั้ง 2 ท่านภายใต้การผลักดันของรัฐบาล จะกู้วิกฤตการบินไทยให้เหินฟ้าติดลมบนได้หรือไม่
“บิ๊กเซ็ต”
