ผู้สื่อข่าว”มิติหุ้น”รายงานว่า ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP แนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 3/61 จะเติบโตอย่างโดดเด่น ทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและจากไตรมาสก่อน ตามปริมาณขาย ที่คาดปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็น 308 KBOED และราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น เป็น 48.8 เหรียญต่อ BOE ตามการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบดูไบ และราคาก๊าซฯเป็น 6.5 เหรียญต่อ mmbtu เพียงพอที่จะชดเชยต้นทุนขายที่คาดเพิ่มขึ้น เป็น 31.9 เหรียญต่อ BOE ส่วนใหญ่เป็นผลจากค่า เสื่อมราคา
ด้านนายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTTEP ระบุว่า ผลการดำเนินของบริษัทในไตรมาส 3/61 ยังมีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดีเนื่องจากราคาน้ำมันยังทรงตัวในระดับ 65-70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่ยังต้องรอดูทิศทางของค่าเงินบาทซึ่งหากเงินบาทแข็งค่าก็จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัท โดยในปัจจุบันค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่า หลังจากในช่วงไตรมาส 2/61 บริษัทได้รับผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินบาท
นอกจากนี้ ในไตรมาส 3 นี้ยังเริ่มรับรู้รายได้จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นหลังบริษัทเข้าซื้อหุ้นในแหล่งบงกชจากบริษัทในเครือของกลุ่มเชลล์เพิ่มเป็น 66.66% ซึ่งจะส่งผลให้ ปริมาณการขายปิโตรเลียมทั้งปีนี้ จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ราว 310,000 บาร์เรลต่วันเทียบเท่าน้ำมันดิบ
ส่วนการยื่นประมูลปิโตรเลียมแหล่งเอราวัณนั้น หากการเจรจากับบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินงานหลัก(Operator) แหล่งเอราวัณในปัจจุบันไม่ตอบตกลงในการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น PTTEP ก็พร้อมที่จะร่วมประมูลกับพันธมิตรรายอื่นโดยปัจจุบันก็อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรรายอื่นเช่นกัน เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่บริษัทไม่สามารถลงทุนเพียงรายเดียวได้ ซึ่งคาดว่า จะมีความชัดเจนและได้ข้อสรุปพันธมิตรก่อนยื่นข้อเสนอเข้าร่วมการประมูลทางเทคนิค (บิดดิ้ง) ในวันนี้ (25 ก.ย.61)