มิติหุ้น- การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดงานแสดงความขอบคุณผู้มีส่วนได้เสีย ในวาระครบรอบ 25 ปี DSM การจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า ซึ่งตลอดระยะเวลาดำเนินงาน 25 ปี DSM (Demand Side Management) กฟผ. สามารถประหยัดพลังงานให้กับประเทศไปได้กว่า 4,645 เมกะวัตต์ และลดการปล่อยก๊าซ CO2 ได้ 15.7 ล้านตัน พร้อมเปิดตัวฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 รูปแบบใหม่ เริ่มใช้งานมกราคมปี 2562
วันนี้ (26 กันยายน 2561) ดร.ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดงาน “25 ปี DSM การจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า” โดยได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพลังงาน และ กฟผ. เข้าร่วม ณ ห้องวิภาวดีบอลรูม A-C โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้มีการยกระดับและพัฒนาการใช้พลังงาน หรือ Energy 4.0 โดยขับเคลื่อนเพื่อตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รวมถึงการจัดทำแผนบูรณาการพลังงานระยะยาว 5 แผน ในช่วงปี พ.ศ. 2558 – 2579 โดยแผนอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนบูรณาการพลังงานดังกล่าว กระทรวงพลังงานได้กำหนดมาตรการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน มีเป้าหมายลดการใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวน 89,672 ล้านหน่วย ในปี 2579 อาทิ มาตรการการจัดการโรงงานและอาคารควบคุม มาตรการใช้เกณฑ์มาตรฐานอาคาร มาตรการใช้เกณฑ์มาตรฐานและติดฉลากอุปกรณ์ มาตรการบังคับใช้เกณฑ์มาตรฐานการประหยัดพลังงานสำหรับผู้ผลิตและจำหน่ายพลังงาน หรือ EERS มาตรการสนับสนุนด้านการเงิน และมาตรการส่งเสริมการใช้หลอด LED เป็นต้น ซึ่งงานการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า หรือ DSM ที่ กฟผ. ดำเนินการ ถือเป็นส่วนสำคัญที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี และสามารถสร้างการมีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่าง ๆ อันจะส่งผลดีต่อการใช้ไฟฟ้าของประเทศในอนาคต
ด้าน นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวถึงการดำเนินงานว่า ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา กฟผ. ได้ดำเนินงานการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า หรือ Demand Side Management (DSM) โดยใช้กลยุทธ์ 3 อ. ได้แก่ อุปกรณ์ อาคาร และอุปนิสัย เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งภาคที่อยู่อาศัย ภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรม โดยดำเนินการไปพร้อมกับการสร้างจิตสำนึกด้านการประหยัดพลังงานแก่ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้า ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากเหล่าพันธมิตร ตลอดจนผู้บริโภค ทั้งนี้ จากการดำเนินงาน 35 โครงการ และงานรณรงค์ประหยัดพลังงานต่าง ๆ จนถึงปัจจุบัน สามารถประหยัดพลังงานให้กับประเทศไปได้กว่า 4,645 เมกะวัตต์ ช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อนตอบสนองนโยบายของประเทศไทยที่ได้แสดงเจตจำนงการลดก๊าซเรือนกระจกไว้ต่อรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP) ด้วยการลดการปล่อย CO2 ได้กว่า 15.7 ล้านตัน รวมถึงมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการผลิตภัณฑ์เบอร์ 5 จำนวน 215 ราย สามารถจ่ายฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 รวมทั้งสิ้น 30 ผลิตภัณฑ์ กว่า 354 ล้านฉลาก นอกจากนั้น กฟผ. ยังริเริ่มโครงการนำร่องบริษัทจัดการพลังงาน หรือ ESCO, โครงการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในบ้านที่อยู่อาศัย และอาคาร หรือโครงการบ้าน – อาคารเบอร์ 5 ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างทัศนคติ โดยมีนักเรียนที่ผ่านกระบวนการเรียนรู้จากห้องเรียนสีเขียวไปแล้วกว่า 2 ล้านคน มีการยกระดับห้องเรียนสีเขียวไปสู่โรงเรียนสีเขียว 177 โรงเรียน โรงเรียนคาร์บอนต่ำลดการใช้พลังงานไฟฟ้า พร้อมขยายผลการประหยัดพลังงานไปสู่ครัวเรือน 19,185 ครัวเรือน
นอกจากนี้ กฟผ. ได้เปิดตัวฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 Ranking ซึ่งจัดทำมาตรฐานการประหยัดพลังงานที่สูงกว่าเดิม และแบ่งระดับเกณฑ์ประสิทธิภาพฉลากเบอร์ 5 ใหม่ ให้สะท้อนผลการประหยัดพลังงานที่ละเอียดมากขึ้น โดยจะเริ่มการใช้งานฉลากเบอร์ 5 รูปแบบใหม่ ในวันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป รวมทั้งยังได้เปิดตัวฉลากบ้านเบอร์ 5 และฉลากอาคารเบอร์ 5 พร้อมมอบโล่แก่โครงการบ้านที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติ อาคารในสถานศึกษา และผู้ประกอบการเสื้อผ้าที่ได้รับการติดฉลากเบอร์ 5 ในปี 2561 ด้วย