5 อันดับข่าวเด่นมิติหุ้น ภาคบ่าย

180

อันดับที่ 1 MVP ตั้งเป้ารายได้ปี 62 โต 50% จากปีนี้โตเกินเป้า – สรุปดีลพันธมิตรจีน 1 รายวันนี้  

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. เอ็ม วิชั่น หรือ MVP โดยนายโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 62 เติบโต 50% จากปีนี้ที่คาดว่ารายได้จะเติบโตมากกว่า 50% จากปี 60 ที่มีรายได้ 284 ล้านบาท เนื่องจากตลาดมือถือในปัจจุบันมีการเติบโต 15% และคาดปีหน้าตลาดเติบโตมากขึ้น ประกอบกับคาดตลาดมือถือจะมีการเปลี่ยนโมเดลใหม่มากขึ้น และบริษัทมีแผนจะย้ายการจัดงานไปที่ไบเทค บางนา ซึ่งจะทำให้บริษัทมีพื้นที่ในการให้เช่ามากขึ้น โดยอัตรากำไรขั้นต้นจากการจัดงานยังอยู่ระดับสูง 40 -50% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สูง”คาดแนวโน้ม Q4/61 มีโอกาสเติบโตดีกว่า Q3/61 เนื่องจากมีการจัดงานมากขึ้น โดยช่วงที่เหลือจะมีการคอนเสิร์ต 3 งาน งานวิ่งอีก 2 งาน และงาน Thailand Mobile Expo ที่จัดงานปีละ 3 ครั้ง ซึ่งการจัดงานล่าสุดใช้พื้นที่เต็ม 100% และจะบุ๊ครายได้เข้ามาในQ3 นี้ ขณะที่ยอดเงินสะพัดจากการจัดงานมือถือครั้งนี้เพิ่มขึ้นเป็น 2,000 ล้านบาท โต 10% จากปีก่อนราว 1,700 ล้านบาท” นายโอภาส กล่าว

 อันดับที่ 2 รฟม.เร่งเครื่องรถไฟรางเบา คาดเปิดประมูลปี 62 ลงทุนภูเก็ต-เชียงใหม่ก่อน มูลค่า 7 หมื่นลบ.

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. โดยนายภคพงศ์  ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. เปิดเผยว่า โครงการพัฒนารถไฟฟ้ารางเบาหัวเมืองใหญ่ ที่มีความคืบหน้าและคาดเปิดประมูลได้ในปี 2562 มี 2 จังหวัด คือ โครงการพัฒนารถไฟฟ้ารางเบาแบบไลต์เรลที่จังหวัดภูเก็ต ระยะทาง 41.7 กม. 24 สถานี กรอบวงเงินเบื้องต้น 39,400 ล้านบาท  อย่างไรก็ตาม การดำเนินการเส้นที่ 1 สายสีแดง อยู่ระหว่างหาบริษัทที่ปรึกษาจัดทำแผนศึกษารูปแบบการลงทุนคาดจะได้ผู้จัดทำแผนภายในปีนี้เพื่อจัดทำแผนและคาดว่าแผนลงทุนจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 62 และคาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ปลายปี 62  ส่วนโครงการรถไฟฟ้ารางเบาในจังหวัดอื่น เช่น นครราชสีมา จะเสนอ ครม.เพื่ออนุมัติแผนศึกษาได้ในเดือน ต.ค. 61, โครงการรถไฟฟ้ารางเบาจังหวัดพิษณุโลก อยู่ระหว่าง สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน ส่วนที่จังหวัดข่อนแก่นนั้น ทางเทศบาลข่อนแก่นจะเป็นผู้ดำเนินการเอง

อันดับที่ 3 K ลุ้น Q3 พลิกกำไร ลุ้นผลชิงดำงานใหม่ 1.4 พัน ลบ.

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” บมจ.คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ. หรือ K โดยนายประวิทย์ ศรีบัณฑิตมงคล ประธานกรรมการบริหาร เผยว่า บริษัทฯ คาดผลดำเนินงานไตรมาส 3/61 จะเริ่มพลิกมีกำไรสุทธิ จากช่วง 6 เดือนแรกของปี มีผลขาดทุน 12.17 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้เริ่มรับงานมาร์จิ้นสูงมากขึ้น อีกทั้งฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ภายหลังจากบริษัทพยายามเจาะทุกอุตสาหกรรม ขณะที่ลูกค้าเดิมยังมีการจ้างงานมากขึ้น สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเป็นลำดับ สำหรับแนวโน้มรายได้ปี 62 คาดหวังเติบโตได้ 50%จากปีนี้ ตามทุกธุรกิจที่เติบโตได้เป็นอย่างดี ซึ่งได้แก่ ธุรกิจด้านการจัดงานแสดงสินค้า งานกิจการ และงานตกแต่งภายใน  โดยประเมินว่าธุรกิจในประเทศจะเติบโตได้ดีเป็นอย่างมาก ขณะที่ธุรกิจในเมียนมา คาดเข้าสู่จุดคุ้มทุนและสามารถสร้างกำไรให้แก่บริษัทอย่างยั่งยืน รวมถึงธุรกิจในกัมพูชา ยังมีงานเข้ามาจำนวนมาก สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อผลดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ

อันดับที่ 4 TRITN เซ็น MOU กับ CRCC ยักษ์ใหญ่วงการก่อสร้าง เสริมแกร่งรับงานบิ๊กโปรเจ็กต์ หวังก้าวเป็น TOP 5

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. ไทรทัน โฮลดิ้ง หรือ TRITN นำโดย นางสาวหลุยส์ เตชะอุบล ประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยทีมผู้บริหาร ได้ลงนามเซ็นสัญญาความร่วมมือทางธุรกิจกับตัวแทนจาก บริษัท China Railway Construction Corporation Limited (CRCC) แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2561  ปัจจุบัน TRITN เป็นบริษัทที่ดำเนินการด้านงานก่อสร้างเป็นหลัก โดยมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจด้านการก่อสร้างอย่างเต็มตัว ซึ่งใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไรและผลดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ จนสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมด ทำให้พิสูจน์ตัวเองได้ว่าเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จในทุกโปรเจคที่เข้าไปดูแล อีกทั้งบริษัทฯได้มีโอกาสเข้าไปศึกษาดูงานเพิ่มเติมในอีกหลายโครงการขนาดใหญ่ จากการลงนามความร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของ TRITN ที่จะมีโอกาสเข้าไปดูแลอีกหลายบิ๊กโปรเจ็กต์ของประเทศทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชน

อันดับที่ 5 กทพ. โชว์ศักยภาพทางพิเศษที่เข้าระดมทุนผ่าน TFFIF ต่อยอดการลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี ขยายโครงข่ายอีก สายทาง

มิติหุ้น-กทพ.โชว์ศักยภาพทางพิเศษที่เข้าระดมทุนผ่าน TFFIF ต่อยอดการลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี ขยายโครงข่ายอีก 2 สายทาง ชูปริมาณรถยนต์ที่ใช้บริการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 5 ต่อปีหนุนโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดศูนย์ควบคุมทางพิเศษฉลองรัช โชว์ศักยภาพทางพิเศษที่จะเข้าระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) ครั้งแรก โดยการโอนสิทธิในการรับรายได้ร้อยละ 45 ของรายได้ค่าผ่านทางรวมสุทธิที่จัดเก็บได้จากทางพิเศษฉลองรัชและทางพิเศษบูรพาวิถีให้แก่กองทุน เป็นระยะเวลา 30 ปีนับจากวันแรกที่กองทุนมีสิทธิในรายได้ ชูสถิติปริมาณรถที่ใช้บริการย้อนหลัง มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% เนื่องจากเป็นเส้นทางที่สำคัญในการเชื่อมต่อการเดินทางในกรุงเทพฯ รวมถึงรองรับโครงการพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ EEC ด้านผู้บริหารระบุถือเป็นการระดมทุนเพื่อนำมาต่อยอดขยายโครงข่ายทางพิเศษอีก 2 สายทาง ซึ่งนับเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของ กทพ. ในรอบ 10 ปี