KTBST ผนึก Unicapital Group รุกบริการวาณิชธนกิจ-นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ไทย-ฟิลิปปินส์ – จ่อยื่นไฟลิ่งภายในสิ้นปี 61 นี้

154

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST โดย ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร เผยว่า จากการเล็งเห็นโอกาสลงทุนในตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ และทาง กลต. และ SET ที่เปิดช่องทางให้นักลงทุนสามารถขยายการลงทุนไปยังอาเซียนได้ บริษัทได้ลงนามร่วมมือทางธุรกิจด้านวาณิชธนกิจ และนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัท Unicapital, Inc. ผู้ให้บริการด้านการลงทุนครบวงจรในฟิลิปปินส์ เพื่อขยายโอกาสการลงทุนให้กับนักลงทุนไทยและฟิลิปปินส์

โดยความร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้ ครอบคลุม 3 บริการ ได้แก่ 1.การแนะนำให้ผู้ลงทุนสถาบันของไทยและฟิลิปปินส์มาลงทุนในสินทรัพย์ตลาดทุนต่างๆ เช่น ตราสารหนี้ และกองทุน 2.ร่วมมือกันทำ Dual-listing หรือนำบริษัทจากไทยและฟิลิปปินส์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งในไทยและฟิลิปปินส์ และ 3.ร่วมมือกันจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่น่าสนใจจากสินทรัพย์หรือโปรเจ็กต์ใน 2 ประเทศ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ

ปัจจุบัน บริษัทมีดีลวาณิชธนกิจร่วมกับพันธมิตรดังกล่าวราว 5 ดีล ประกอบไปด้วย Dual-listing, ตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน, การออกตราสารหนี้สกุลเงินในประเทศ คาดว่าจะเห็นตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานก่อนเป็นอันดับแรก มูลค่าในการระดมทุนราวมากกว่า 5 พันล้านบาท

ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานคณะกรรมการ KTBST กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยคาดจะฟื้นตัวชัดเจน จากการบริโภคภาคเอกชนที่คาดปีนี้จะขยายตัว 3% จากไตรมาส 2/61 ที่ขยายตัว 4.5% ประกอบกับปีหน้าตาม Roadmap การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว และภาคการส่งออก ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีจะเติบโตอย่างน้อย 9-10% ขณะที่พื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของไทย จะช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นไทยเติบโตได้ และเป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทยและต่างชาติ โดยคาดหุ้นที่จะได้อานิสงส์จากการเลือกตั้ง อาทิ PLANB, VGI, SEAFCO, STEC  AMATA, WHA, BTS, BEM, BBL, KKP, ROBINS และ CPALL

สำหรับความคืบหน้าของ KTBST ในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นั้น บริษัทได้ตั้งบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางด้านการเงิน คาดว่าจะสามารถยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์(ไฟลิ่ง) แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ได้ในช่วงปลายปีนี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนได้ภายในปี 62

ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะอยู่ที่ 60 -70ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 40 ล้านบาท ตามการเติบโตของธุรกิจ ประกอบไปด้วยธุรกิจวาณิชธนกิจ,ธุรกิจนายหน้าซื้อหลักทรัพย์ต่างๆ และอื่นที่เกี่ยวเนื่อง ที่ยังมีแนวโน้มเติบได้อย่างต่อเนื่อง

www.mitihoon.com