WHART เพิ่มทุนครั้งที่3 อัพพื้นที่เช่า หวังยิลด์ลงทุนขยับดีกว่า7.4%

213

มิติหุ้น – กองทรัสต์ WHART จ่อเพิ่มทุนครั้งที่3 หนุนพื้นที่เช่าแตะ 1.1 แสนล้านตารางเมตร มั่นใจช่วยอัพรายได้ขยายตัว หนุนผลตอบแทนลงทุนขยับดีกว่า 7.4% คาดจะเสนอขายหน่วยทรัสต์ได้ในเดือน พ.ย.นี้ 

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายปิยะพงศ์ พินธุประภา กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียลเอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท หรือ กองทรัสต์ WHART เปิดเผยว่า บริษัทได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์ เพิ่มทุนครั้งที่ 3 เพื่อเข้าลงทุนในทรัพย์สินหลักเพิ่มเติม มูลค่าไม่เกิน 4,464.50 ล้านบาท ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว และคาดว่าจะได้รับการพิจารณาในเร็วๆ นี้

ลงทุนทรัพย์สิน4โครงการอัพพื้นที่เช่า
โดยการเพิ่มทุนครั้งที่ 3 นี้ WHART จะเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการของ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (“WHA”) 2 โครงการ คือโครงการที่พัฒนาภายใต้บริษัทร่วมทุนระหว่าง WHA และกลุ่ม Central และโครงการที่พัฒนาภายใต้บริษัทร่วมทุนระหว่าง WHA และกลุ่ม KPN ซึ่งมี 1) โครงการ WHA Mega Logistics Center (พระราม 2 กม. 35) มีพื้นที่เช่าอาคารประมาณ 14,084 ตารางเมตร

2.) โครงการ Central WHA Mega Logistics Center (วังน้อย 63) พื้นที่เช่าอาคารประมาณ 86,223.61 ตารางเมตร 3.) โครงการ WHA KPN Mega Logistics Center (ถนนบางนา-ตราด กม. 23) พื้นที่เช่าอาคารประมาณ 39,607 ตารางเมตร และ 4.) โครงการ DSG HSIL จังหวัดสระบุรี พื้นที่เช่าอาคารประมาณ 16,620 ตารางเมตร รวมทั้ง 4 โครงการ จะมีพื้นที่เช่าอาคารประมาณ 156,534.61 ตารางเมตร บนที่ดินรวมประมาณ 172 ไร่ 1 งาน 94 ตารางวา

เล็งขยายลงทุนในสินทรัพย์ต่างแดน
ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าลงทุนในทรัพย์สินหลักดังกล่าว จะส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินรวมของ กองทรัสต์ WHART เติบโตแตะระดับ 32,800 ล้านบาท จากเดิมที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 28,192 ล้านบาท ในขณะที่ขนาดพื้นที่เช่าคลัง/โรงงาน จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1,128,000 ตารางเมตร จากเดิม 971,000 ตารางเมตร อย่างไรก็ดี มองว่าการเพิ่มพื้นที่เช่า จะผลักดันรายได้ของกองทรัสต์ให้เติบโตขึ้น และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์ ซึ่งปัจจุบัน WHART มีผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7.4%

นายปิยะพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คาดว่าจะเสนอขายหน่วยทรัสต์ได้ในเดือนพ.ย.นี้ และจะสามารถโอนสินทรัพย์เข้ากอง WHART ได้ภายในเดือนธ.ค.นี้ ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายในอีก 2 ปีข้างหน้า ขนาดสินทรัพย์ของกองทรัสต์จะเพิ่มขึ้นถึงระดับ 40,000 ล้านบาท โดยจะเข้าลงทุนในสินทรัพย์เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มพื้นที่เช่าประมาณ 1.5 แสนตารางเมตรต่อปี คิดเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 11-12% ขณะเดียวกันยังมองหาโอกาสในการขยายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่นและยุโรป โดยมองผลตอบแทนจากการลงทุนต้องอยู่ในระดับประมาณ 9%