KAsset เดินหน้าจ่ายปันผลกองทุน K-JP กว่า 70 ล้านบาท

88

มิติหุ้น-KAsset เดินหน้าจ่ายปันผลกองทุน K-JP กว่า 70 ล้านบาท เผยเศรษฐกิจญี่ปุ่นทยอยฟื้นตัว GDP โตสุดในรอบ 2 ปี โดย นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ)  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายปันผลกองทุนเปิดเค ญี่ปุ่น หุ้นทุน (K-JP) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2561 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2561 ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 8.00 น.  ของวันที่ 1 ตุลาคม 2561 โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 12 ตุลาคม 2561 รวมทั้งสิ้น 74.29 ล้านบาท

กองทุน K-JP มีการจ่ายปันผลนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนแล้วทั้งสิ้น 8 ครั้ง รวมเป็นเงินอัตรา 2.35 บาทต่อหน่วย โดยในรอบผลการดำเนินงาน 3 เดือนที่ผ่านมา (1 ก.ค. 61 – 30 ก.ย. 61) กองทุนมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 4.7% สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 3 เดือน และ 1 ปีย้อนหลัง อยู่ที่ 4.50% และ 10.30% ต่อปี ใกล้เคียงกับเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 4.73% และ 10.20% ต่อปี ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.ย. 61)

“สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มทยอยฟื้นตัว โดยตัวเลข GDP ในไตรมาส 2 เติบโตขึ้น 3% นับเป็นอัตราการเติบโตสูงที่สุดในรอบกว่า 2 ปี รวมถึงมีอัตราการจ้างงานที่สูงในอัตราค่าแรงที่เพิ่มขึ้นสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศ ด้านภาคการส่งออกยังเติบโตดี โดยเฉพาะกับจีน ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 โดยจีนเล็งปรับลดภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้าในวงกว้าง ทั้งนี้จากการประชุมครั้งล่าสุดธนาคารกลางญี่ปุ่นยังคงดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อหนุนสภาพคล่องในระบบ ด้านการเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้นหลังจากที่นายชินโซ อาเบะได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคสมัยที่ 3 ทำให้มีโอกาสดำรงตำแหน่งไปถึงปี 2021 ช่วยหนุนความต่อเนื่องของนโยบายบริหารประเทศ” นายนาวินกล่าว

นายนาวินกล่าวต่อไปว่า ระดับราคาหุ้นญี่ปุ่นยังดูน่าสนใจ โดยอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวและต่ำกว่าเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ควรติดตามดูว่านโยบายทางการเงินจะช่วยกระตุ้นเงินเฟ้อให้ถึงเป้าหมายที่ 2% และสามารถรักษาอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจได้หรือไม่ รวมถึงนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และผลกระทบจากการขึ้นภาษีสินค้าและบริการในเดือน ต.ค.ปีหน้า

 

www.mitihoon.com