ตลาดการเงินโลกเปิดฉากรับไตรมาส 4 ด้วยความผันผวนที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอีกครั้ง เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (Bond yield) ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ตลาดแรงงาน และภาคบริการ บ่งชี้ถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งเกินคาด ส่วนราคาน้ำมันดิบซึ่งปรับตัวสูงขึ้นราว 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนได้กลับมากระตุ้นการคาดการณ์ภาวะเงินเฟ้อโลกอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ซึ่งรวมถึงนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นไปไกลกว่าระดับที่ตลาดเคยประเมินไว้
แนวโน้มสดใสของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความเห็นของเฟด ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ 3.26% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี แตะระดับ 2.91% ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดในรอบกว่าทศวรรษ สร้างแรงกดดันต่อสินทรัพย์ตลาดเกิดใหม่ในวงกว้าง โดยสกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่อ่อนค่าลงรวมถึงเงินบาท ซึ่งเคลื่อนไหวผันผวนกว่า 80 สตางค์ในระยะเวลาเพียง 6 วันทำการ ขณะที่เงินรูเปียห์ซื้อขายที่ระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 20 ปี
โดยผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และราคาน้ำมันที่สูงขึ้น สร้างความกังวลเกี่ยวกับเงินทุนไหลออกและยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของอินโดนีเซีย ส่งผลให้ธนาคารกลางอินโดนีเซียเข้าแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง
เป็นที่น่าสนใจว่า ประเด็นสงครามการค้าจะทวีความรุนแรงขึ้นอีกหรือไม่ ท่ามกลางสถานการณ์การพุ่งขึ้นของบอนด์ยิลด์สหรัฐฯ เนื่องจากประธานาธิบดีทรัมป์เคยกล่าวตำหนิเฟดเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่า บั่นทอนความสามารถทางการแข่งขันของภาคธุรกิจอเมริกัน ขณะที่สหรัฐฯ กำลังจะเข้าสู่การเลือกตั้งกลางเทอมในวันที่ 6 พ.ย.นี้
ทั้งนี้ เงินหยวนอ่อนค่าลง หลังธนาคารกลางจีนประกาศลดสัดส่วนกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (Reserve Requirement Ratio) ลงอีก 1.10% เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบและประคับประคองเศรษฐกิจจีน ซึ่งกำลังเผชิญข้อพิพาททางการค้ากับสหรัฐฯ โดยเงินหยวนที่อ่อนค่า อาจสร้างความไม่พอใจครั้งใหม่ให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ และนำไปสู่มาตรการกีดกันทางการค้าที่แข็งกร้าวมากขึ้น เพิ่มความเปราะบางต่อบรรยากาศการลงทุนในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ในระยะนี้
โดย คุณรุ่ง สงวนเรือง
ผู้อำนวยการ ผู้บริหารฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
www.mitihoon.com
