มิติหุ้น – กลุ่มอลิอันซ์ เยอรมนี เผยรายงานความมั่งคั่งทั่วโลก พบสินทรัพย์ทางการเงินภาคเรือนขยายตัวแตะ 7.7% แนะปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยต้องแก้ไขด่วน หลังพบการเพิ่มดอกเบี้ยและอัตราการว่างงาน อาจเป็นสาเหตุให้จำนวนครัวเรือนที่ประสบปัญหาในการชำระคืนเงินกู้ยืมพุ่งสูงขึ้น
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายไมเคิล ไฮส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกลุ่มอลิอันซ์ เยอรมนี ได้เปิดเผยถึงรายงานความมั่งคั่งทั่วโลก ฉบับที่ 9 ที่ทำการสำรวจภาวะสินทรัพย์และหนี้สินภาคครัวเรือนในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก โดยระบุว่า ในปีที่ผ่านมาภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกมีทิศทางทางการฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการฟื้นตัวภายหลังจากเกิดวิกฤตทางการเงิน ส่งผลให้เกิดการฟื้นตัวพร้อมๆ กันทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดตราสารทุน ส่งผลให้สินทรัพย์ทางการเงินภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 7.7% สินทรัพย์ทางการเงินรวมของโลกเพิ่มสูงที่ 168 ล้านล้านยูโร หรือประมาณ 5.5 ล้านล้านบาท
ย้ำ!ต้องเร่งสางหนี้ภาคครัวเรือนไทย
ส่วนในประเทศไทย การเติบโตของสินทรัพย์ทางการเงินชะลอตัว ซึ่งในปี 2560 สินทรัพย์ทางการเงินภาคครัวเรือนในไทยเพิ่มขึ้น 6.2% เนื่องจากหลักทรัพย์ที่มีอัตราการเติบโตเพียง 9.8% เปรียบเทียบกับในปี 2559 ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 20% ส่วนสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ขยายตัวได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ได้แก่ เงินฝากธนาคารเพิ่มขึ้น 4% และสินทรัพย์ประกันภัยและเงินบำเหน็จบำนาญเพิ่มขึ้น 3.8% เงินฝากธนาคารยังคงอยู่ในกลุ่มสินทรัพย์ที่โดดเด่นในหน่วยลงทุนกลุ่มภาคครัวเรือนไทยซึ่งคิดเป็น 45% ของสินทรัพย์ทางการเงินรวม ตามด้วยหลักทรัพย์ หุ้นและพันธบัตรโดยมีสัดส่วน 39.3%
ขณะที่การก่อหนี้ของภาคครัวเรือนของไทย ยังคงเป็นประเด็นสำคัญเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข แม้จะลดลงในปี 2560 ที่ผ่านมา แต่หนี้สินภาคเอกชนก็ยังคงเพิ่มขึ้นถึง 79.1% ของ จีดีพี ซึ่งลดลงจากจุดสูงสุดที่ 81.2% ในปี 2558 อย่างไรก็ตาม พัฒนาการเช่นนี้ไม่ได้สะท้อนถึงการหยุดยั้งที่จะไม่ก่อหนี้ ในทางกลับกัน หนี้สินได้พุ่งสูงขึ้นอีกครั้งในปีที่ผ่านมา ที่ระดับ 4.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 3.8% ในปี 2559 เนื่องจากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่าการเติบโตของสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยและอัตราการว่างงาน อาจเป็นสาเหตุให้จำนวนครัวเรือนที่ประสบปัญหาในการชำระคืนเงินกู้ยืม พุ่งสูงขึ้น
การลงทุนในหลักทรัพย์กลับมาคึกคัก
ทั้งนี้ ในส่วนของพฤติกรรมการลงทุนในปี 2560 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่นักลงทุนส่วนใหญ่ ไม่สนใจลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวม ตลอดในช่วงหลายปีหลังการเกิดวิกฤต แต่ในปี 2560 พบว่ามีเงินไหลเข้าอย่างมีนัยสำคัญในสินทรัพย์ประเภทนี้ การเติบโตที่รวดเร็วของตลาดหุ้น แสดงให้เห็นว่า หลักทรัพย์มีการเติบโตแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่น โดยในปี 2560 หุ้นมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 12.2% และคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 42% ของเงินออมทั้งหมด ตามมาด้วย อันดับที่สองอย่าง เงินรับจากบริษัทประกันภัยและเงินบำนาญ คิดเป็น 29% ของพอร์ตสินทรัพย์และขยายตัว 5.2% ในปีที่ผ่านมา