5 อันดับข่าวเด่นมิติหุ้นภาคบ่าย

164

อันดับที่ 1 MOONG คาดผลงาน Q3/61 ใกล้เคียงไตรมาสก่อน เผยดีลพันธมิตรเวียดนามยังไม่สรุปปีนี้

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.มุ่งพัฒนา อินเตอร์แนชชั่นแนล หรือ MOONG โดยนางสาวสุวรรณา โชคดีอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 3/61 จะใกล้เคียงกับไตรมาส 2/61 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 35.4 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทจะพยายามทำให้รายได้ทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมาที่วางไว้ หรือ เติบโตอยู่ที่ระดับ 15% จากปีก่อน จากการออกโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มมากขึ้น ส่วนความคืบหน้าการเจราพันธมิตรในประเทศเวียนนามคาดว่า ยังไม่สามารถได้ข้อสรุปที่ชัดเจนภายในปีนี้ เนื่องจากพรอต์สินค้ายังไม่เพียงพอต่อการขยายตลาด รวมถึงสิ้นค้ายังไม่มีความน่าสนใจในประเทศดังกล่าว อีกทั้งต้องมีการตกลงในเรื่องของราคาสินค้า และเตรียมความพร้อมในการขยายตลาดก่อน ทั้งนี้คาดว่าในปี 62 จะมีพอร์ตสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น

อันดับที่ 2 ก.ล.ต. ปั้น “บริษัทเกษียณสุข” สร้างนายจ้าง ส่งเสริมลูกจ้างให้มีเงินเกษียณเพียงพอ

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. โดย นายรพี สุจริตกุล  เลขาธิการ เผยว่า  ก.ล.ต. ให้ความสำคัญกับสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพราะเป็นกลุ่มที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตลาดทุนโดยไม่รู้ตัว ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 3 ล้านคน จากนายจ้างเกือบ 18,000 บริษัท จากผลสำรวจเมื่อปีที่ผ่านมาพบว่าร้อยละ 60 ของสมาชิกที่เกษียณอายุ ได้รับเงินก้อนวันเกษียณไม่ถึง 1 ล้านบาท สวนทางกับงานวิจัยที่บอกว่า หากต้องการมีเงินใช้จ่ายอย่างเพียงพอสำหรับใช้ชีวิตหลังเกษียณ ต้องมีเงินขั้นต่ำสุดอย่างน้อย 3 ล้านบาท ดูแล้วน่าเป็นห่วง โดยสาเหตุที่ทำให้สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีเงินไม่ถึงเป้าหมาย เป็นเพราะสมาชิกยังไม่เห็นความสำคัญและไม่รู้ว่ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นเงินที่จะต้องสะสมเพื่อให้มีพอไว้ใช้จ่ายหลังเกษียณ ทำให้สมาชิกหักเงินสะสมต่อเดือนน้อย บางรายลาออกจากกองทุนระหว่างทาง ที่สำคัญสมาชิกยังเลือกนโยบายลงทุนที่ให้ผลตอบแทนไม่มากพอที่จะทำให้เงินออมเติบโตจนถึงระดับเพียงพอสำหรับใช้จ่ายหลังเกษียณ”

อันดับที่ 3 GFPT โบรกคาด Q3/61 กำไรโตจาก Q2 ราว 62% ชี้ส่งออกไปจีนโต หนุนภาพรวมเพิ่มขึ้น แนะ “ซื้อ” เป้า 16.50 บ.

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.จีเอฟพีที หรือ GFPT โดย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดการณ์กำไรสุทธิในไตรมาส 3/61 จะอยู่ที่ 344 ล้านบาท ลดลง 32% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 62.6% เทียบไตรมาส 2/61 ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิในงวด 9 เดือนของปี 61 อยู่ที่ 702 ล้านบาท คิดเป็น 55% ของประมาณการกำไรทั้งปี โดยคาดว่ายอดขายในไตรมาส 3/61 จะอยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% ส่งผลให้มีรายได้งวด 9 เดือนเท่ากับ 1.25 พันล้านบาท ซึ่งยอดขายที่แข็งแกร่งมาจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล และการขยายตลาดในประเทศจีน ดังนั้น คาดว่าปริมาณการส่งออกในไตรมาส 3 จะเพิ่มเป็น 8,600 ตัน จาก 8,300 ตันในงวดเดียวกันปีก่อน ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 16.50 บาท อิงค่า พีอีที่ 16 เท่า

อันดับที่ 4 M กำไร Q3 ฉายแววรุ่ง รับสาขาใหม่สร้างผลงานแจ่ม แนะซื้อ เป้า 96 บ.

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง ประเมิน บมจ. เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป หรือ M พบว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 3/61 จะอยู่ที่  662 ล้านบาท  โดยประเมินจากยอดขายสาขาเดิมคาดว่าทรงตัวสำหรับร้าน เอ็มเค สุกี้ และลดลง 4%จากปีก่อน สำหรับร้านยาโยอิ (ร้านอาหารยาโยอิมีอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมในไตรมาส 3/60 สูงที่ 8%จากปีก่อน และ 1% จากไตรมาสก่อน หนุนโดย 8 สาขาใหม่ในไตรมาส 3/61 อัตรากำไรคาดว่าจะทรงตัวแข็งแกร่งที่ 68.5%  ส่วนไตรมาส 4/61 คาดยอดขายสาขาเดิมฟื้นตัว เนื่องจากเป็นช่วงเวลาแห่งการสังสรรค์ และคาด M จะทำกำไรเติบโตอย่างโดดเด่น โดยบริษัทมีแผนจะเปิดสาขาใหม่ประมาณ 15-20 สาขาในไตรมาส 4/61 ซึ่งหาก M สามารถเปิดสาขาได้ตามเป้า จะทำให้ ณ สิ้นปี 2561 บริษัทมีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น 6-7% จากปีก่อน  ดังนั้น จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2561 ที่ 96 บาท

อันดับที่ 5 BANPU อัดงบ 300 ล้านสหรัฐฯ ลงทุนเชลล์แก๊สเพิ่ม มั่นใจผลประกอบการไตรมาส3/61 ดีกว่าไตรมาส2/61

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.บ้านปู หรือ BANPU โดยแหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส3/61 มั่นใจกำไรสุทธิจะดีกว่าไตรมาส2/61 ที่มีกำไรสุทธิ 3,971 ล้านบาท เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากราคาถ่านหินตลาดโรงที่อยู่ในระดับ 117 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ประกอบกับบมจ.บ้านปู เพาเวอร์ หรือ BPP ซึ่งเป็น บริษัทย่อยของ BANPU ที่ผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยได้เตรียมงบลงทุนไว้ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าในปีนี้จะได้ข้อสรุปการลงทุนในแหล่งผลิตขนาดกำลังการผลิตที่ต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 60-150 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 แหล่ง จากที่ได้ลงทุนไปแล้วประมาณ 520 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ201 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เนื่องจากมองว่ายังมีความต้องการใช้สูงอยู่และประเมินราคาในปีนี้จะอยู่ในระดับ 2.8 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู และในปี 2562 คาดว่าระดับราคาจะเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 3.03 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู

www.mitihoon.com