2 เดือนสุดท้ายแล้วนะครับ กับช่วงเวลาการลงทุนและจัดการพอร์ตสินทรัพย์ต่างๆในปีนี้ ซึ่งในเดือนที่ผ่านมานั้นเกิดความผันผวนอย่างมากในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง แต่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ตลาดเริ่มถูกคาดการณ์ว่าความผันผวนนั้นจะเบาบางลง ด้วยปัจจัยสำคัญๆที่อาจกลับมาหนุนตลาดอีกครั้ง โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยเริ่มมองแล้วว่าอาจจะกลับมายืนเหนือ 1,700 จุด ได้อีกครั้ง และอาจเป็นการปรับตัวขึ้นมาดีกว่าตลาดเกิดใหม่อื่นๆด้วย
ทั้งนี้ตลาดหุ้นเกิดใหม่ปรับตัวลดลงตั้งแต่เดือน ก.พ. ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันประมาณ 26% จาก เนื่องจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนที่ขานรับดอกเบี้ยขาขึ้น และจากเรื่องผลกระทบของสงครามการค้า ตลาดหุ้นไทยเองก็เจอแรงขายไปด้วยเช่นกัน นับตั้งแต่ ต.ค. ถึงวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมามีการขายจากนักลงทุนต่างชาติจำนวน 3.57 แสนล้านบาท และหากนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาต่างชาติขายหุ้นไทยไปแล้ว 2.7 แสนล้านบาท เป็นการขายหุ้นไทย 13 เดือนติดต่อกัน แม้ว่านักลงทุนสถาบันในประเทศจะมีแรงซื้อสวนทางนักลงทุนต่างชาติก็ตาม แต่หากมองเปรียบแล้วตลาดหุ้นไทยถือว่าปรับตัวลงน้อยกว่าตลาดเกิดใหม่อื่นๆ เพราะด้วยปัจจัยในประเทศที่แข็งแรง
KTBST ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยจะเริ่มปรับตัวขึ้นดีกว่าตลาดเกิดใหม่อื่นๆ อีกครั้งจาก ด้วยปัจจัยที่หลักสำคัญดังต่อไปนี้ 1.) ตลาดสหรัฐฯ รับรู้ผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าไปแล้วและมีแนวโน้มจะทำข้อตกลงการค้ากับจีนได้ 2.) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาออกมาดี เช่น GDP ไตรมาส 3 , ตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภค , ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน 3.) การรายงานกำไรบริษัทใหญ่ๆ ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผ่านไปแล้วถือว่าออกมาค่อนข้างดี ช่วยลดความผันผวนของตลาดหุ้นลงไปได้
ปัจจัยต่อมา 4.) ความเชื่อมั่นเรื่องการเลือกตั้ง จากการเน้นย้ำของรัฐบาลว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นตามกำหนดเดิมคือวันที่ 24 ก.พ.2562 และมีการเร่งดำเนินมาตรการเศรษฐกิจให้ทันก่อนเลือกตั้ง ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน และ 5.) กำไรของบริษัทในตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 3 ที่คาดว่าจะออกมาดีรวมถึงระดับราคาหุ้นที่ลดลงมาอยู่ที่ 15.3 เท่า เป็นตัวดึงแรงซื้อให้กลับเข้ามาอีกครั้ง
ดังนั้นแล้วต้องบอกว่าปัจจัยในประเทศถือเป็นประเด็นหลักที่จะหนุนตลาดหุ้นไทยให้กับมายืนเหนือ 1,700 จุดได้อีกครั้ง อีกทั้งปัจจัยภายนอกเองก็เป็นตัวช่วยหนุนตลาดด้วย ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดี ราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงลดความกังวลเรื่องเงินเฟ้อลงไป
อย่างไรก็ตามยังมีประเด็นที่น่าจับตามองตั้งแต่ในสัปดาห์นี้ไป คือ การประกาศมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งนั่นจะมีผลต่อกลุ่มต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการภาคการท่องเที่ยวได้แก่ กลุ่มโรงแรม กลุ่มค้าปลีก เป็นต้น สำหรับหุ้นที่น่าสนใจ KTBST ยังมองไปที่หุ้นใหญ่ของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมเช่น PTT, KBANK, CPN, CPALL, PTTGC, BDMS รวมไปถึงหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลดีเช่น QH , KKP ครับ ….
โดยชาตรี โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์
บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST)
www.mitihoon.com