NER  น้องใหม่เปิดเทรดวันแรก 2.22 บ.  หวังได้เงินทุนเสริมแกร่งธุรกิจในอนาคต

318

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER  ได้เข้าซื้อขายวันแรก เปิดตลาดฯที่  2.22 บาท จากราคา IPO ที่ 2.58 บาท โดย NER ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากยางพารา ได้แก่ ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง และมาเลเซีย เป็นต้น ซึ่งบริษัทได้รับอนุญาตเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางพาราไปยังนอกราชอาณาจักร โดยมีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายสินค้าในประเทศต่อต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายสินค้าในประเทศ 60% และต่างประเทศ 40% ของรายได้จากการขายสินค้า

NER มีทุนจดทะเบียน 770 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 940 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 600 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวน 600 ล้านหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 29-31 ตุลาคม 2561 ในราคาหุ้นละ 2.58 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,548 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาIPO 3,973 ล้านบาท โดยมี บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บมจ. หลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

ด้านนายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NER ระบุว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยให้บริษัทฯ มีความน่าเชื่อถือต่อคู้ค่ามากยิ่งขึ้น อีกทั้งจะมีฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้น สามารถรองรับแผนการขยายกิจการในอนาคต ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพและขยายโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจของบริษัท สอดคล้องตามการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการขยายการดำเนินธุรกิจ และช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนในระยาว

สำหรับ NER มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรก ได้แก่ กลุ่มนายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ 61.04% นางทัศนีย์ ยังมีวิทยา 0.98% และ นางสาวนลินี แจ่มวุฒิปรีชา 0.39% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นIPO มาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ทั้งนี้ ราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 2.58 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 9.96 เท่า ซึ่งคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2560 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 398.83 ล้านบาท เมื่อหารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้เท่ากับ 1,540 ล้านหุ้น (fully diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.2590 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิที่เหลือภายหลังจากหักภาษี และเงินทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัทและตามกฎหมาย

www.mitihoon.com