กองทรัสต์ SHREIT เดินหน้าเพิ่มทุนหน่วยลงทุนใหม่

90

มิติหุ้น – กองทรัสต์ SHREIT เดินหน้าเพิ่มทุนหน่วยลงทุนใหม่ หลัง ก.ล.ต.นับหนึ่งแบบไฟลิ่ง รับแผนขยายทรัพย์สิน โรงแรมในอาเซียนเพิ่มเติม รับท่องเที่ยวในภูมิภาคบูม ดันขนาดทรัพย์สินพุ่งสูงกว่า 10,000 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า สำนักงาน ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง หน่วยลงทุนเพิ่มทุน SHREIT ครั้งที่ 1 ไม่เกิน 415 ล้านหน่วยและกู้ยืมเงินไม่เกินประมาณ 67.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,250 ล้านบาท) โดยนายอรรถพงศ์  พรธิติ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายวาณิชธนกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน SHREIT เปิดเผยว่า หลังจากกองทรัสต์ SHREIT ได้ยื่นแบบไฟลิ่งการเพิ่มทุนเพื่อซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติมครั้งที่ 1 ของ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า ‘สตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้’ หรือ SHREIT นั้น ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ได้เริ่มนับหนึ่งแบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยการออกหน่วยเพิ่มทุนดังกล่าวในครั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับการขยายทรัพย์สินใหม่ๆ เพิ่มเติมในกลุ่มธุรกิจโรงแรมในภูมิภาคอาเซียนอีก 2 แห่งซึ่งมีศักยภาพการเติบโตที่ดี ได้แก่ 1. ลงทุนในสิทธิการเช่าโครงการโรงแรม Sofitel Bali Nusa Dua Beach Resort บนเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นโรงแรม 5 ดาว ที่มีจำนวนห้องพักรวม 415 ห้อง แบ่งเป็นห้องพักจำนวน 398 ห้องและบ้านพักวิลล่าจำนวน 17 หลัง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันและห้องประชุมจัดเลี้ยงขนาดใหญ่

2. ลงทุนกรรมสิทธิ์ในโครงการโรงแรม Hilton Garden Inn Kuala Lumpur เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว มาตรฐานสากลแห่งเดียวในเขต Chow Kit ที่อยู่ใกล้กับ Kuala Lumpur City Centre (KLCC) ซึ่งเป็นพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองกัวลาลัมเปอร์ มีห้องพักรวม 532 ห้อง

ด้านนายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า สำหรับวงเงินที่ SHREIT จะลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินทั้ง 2 แห่งนี้ คาดว่าจะมีมูลค่ารวมกันไม่เกินประมาณ 174 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5,796 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นเงินที่มาจากการเพิ่มทุนกองทรัสต์จำนวนไม่เกิน 415 ล้านหน่วย และเป็นการกู้ยืมเงินอีกไม่เกินประมาณ 67.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 2,250 ล้านบาท

ภายหลังจากกองทรัสต์เข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งนี้ จะส่งผลให้ขนาดมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์เติบโตขึ้นจากเดิมประมาณ 5,000 ล้านบาทเพิ่มเป็นประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท และจะทำให้กอง SHREIT มีขนาดใหญ่ที่สุด เมื่อเทียบกับกองทรัสต์ประเภทโรงแรมกองอื่นๆ ที่จดทะเบียนอยู่ใน ตลท. ในปัจจุบัน