ช่วงนี้ทำไมหุ้นลงจัง ลงแล้วลงอีก เกิดจากอะไร จะทำยังไงดี cut loss เลยไหม? วันนี้ผมเลยนึกถึง product หนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 14 ปีที่แล้ว นั่นคือ “SBL”
Securities Borrowing and Lending หรือ SBL เป็นการยืม และให้ยืมหลักทรัพย์ โดยลูกค้าจะเอาหุ้นมาให้ยืมก็ได้ หรือจะมายืมหุ้นจากบริษัทไปขายก่อนก็ได้ ซึ่งในความเป็นจริง ลูกค้าที่จะเอาหุ้นมาให้บริษัทยืม (Lender) มีปริมาณน้อยมาก เพราะมีความกลัวว่าหุ้นเราจะหายรึเปล่า ถ้าต้องการขาย จะขายได้ไหม ถ้าหุ้นถูกยืมไป
SBL จึงไม่ค่อยได้รับความสนใจมาเป็นผู้ให้ยืมหุ้นกับบริษัท แต่ในด้านของผู้ยืมหุ้น (Borrowing) ค่อนข้างน่าสนใจมากกว่า ปัจจุบันหุ้นที่ให้ยืมไปขายก่อน (Short) ประกอบด้วยหุ้นในกลุ่ม SET100, ETFi และเพิ่มเติมหุ้นที่อยู่ใน Single Stock Futuresii ที่เทรดผ่าน Block Trade จึงมีกลุ่มหุ้นที่มีปริมาณมาก SBL ที่บริษัทให้ลูกค้ายืมไปขายก่อน (Short) ก็มีต้นทุนที่ต้องคิดจากลูกค้า และให้กับลูกค้าด้วย คือ Lender จะได้รับประมาณ 3.00 % ต่อปี และ Borrower จะจ่ายประมาณ 5.25 % ต่อปี ซึ่งก็แล้วแต่ broker จะคิด
ในวันนี้ เราจะเน้น SBL ในด้าน Borrower คือให้ลูกค้ายืมหุ้นไปขายก่อน (Short) เป็นการหาจังหวะที่ตลาดผันผวน หรือหุ้นตัวไหนที่ overbought ก็มายืมหุ้นจากบริษัทไปขายก่อนได้เลย โดยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้
ในการส่งคำสั่งนั้นลูกค้าสามารถทำได้เอง หรือส่งคำสั่งผ่านผู้แนะนำการลงทุน(Investment Consultant: IC) ได้เช่นเดียวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ทั่วไป มีข้อยกเว้นเพียงแต่การส่งคำสั่งขาย Short จะทำได้เฉพาะในช่วงเวลาซื้อขายปกติเท่านั้น (ช่วง Pre-Open และ Call Market ไม่สามารถทำได้) เนื่องจากทางตลาดหลักทรัพย์ป้องกันไม่ให้เกิดการทำราคา SBL จึงเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่สามารถช่วยนักลงทุนให้สามารถทำกำไรได้ขณะที่ตลาดอยู่ในสภาวะขาลง (Bear Market)
โดยเพียงผู้ยืม หรือผู้ให้ยืมลงนามในสัญญายืม และให้ยืมหลักทรัพย์กับบริษัทก่อนเริ่มทำธุรกรรม เมื่อต้องการยืมหลักทรัพย์ก็วางเงินหลักประกันเพียง 50 % เช่น วงเงิน 1,000,000 บาท ก็ฝากเงินเข้ามาเพียง 500,000 บาท ก็สามารถยืมหุ้นไป Short ได้ถึง 1,000,000 บาท หรือ ฝากเงินเข้ามาเพียง 200,000 บาท ก็สามารถยืมหุ้นไป Short ได้ถึง 400,000 บาท โดยบริษัทจะมีการบันทึกมูลค่าทางบัญชีตามราคาตลาด (Mark to Market) และคำนวณอัตราส่วนของ หลักประกัน (Margin ratio) ทุกสิ้นวันทำการ ทั้งนี้หลักประกันจะได้รับดอกเบี้ยเงินฝากเช่นเดียวกับหลักประกันทั่วไปด้วย
SBL นั้นเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ยืม และผู้ให้ยืม กล่าวคือ ผู้ให้ยืมจะได้รับผลตอบแทนจากค่าธรรมเนียมการให้ยืมหลักทรัพย์ โดยที่ยังคงรับสิทธิประโยชน์จากหลักทรัพย์นั้นๆ เช่น เงินปันผล ฯลฯ ทางด้านผู้ยืมนั้นมีโอกาสทำกำไรจากราคาหุ้นขาลง หรือ ใช้ประกอบกลยุทธ์ การลงทุนอื่นๆ เช่น ทำกลยุทธ์ Pair Trading หรือ Arbitrage
สามารถเข้าดูขัอมูลธุรกรรมขาย Short ได้ที่ https://www.set.or.th/set/shortsales.do
การคิดค่าธรรมเนียม
ผู้ให้ยืมหลักทรัพย์ (Lender)
ลูกค้าจะได้รับผลตอบแทนจากค่าธรรมเนียมในการให้ยืมอัตราร้อยละ 3% ต่อปี (หัก ภาษี ณ ที่จ่าย 15%)
ผู้ยืมหลักทรัพย์ (Borrower)
ลูกค้าจะต้องชำระค่าธรรมเนียมสำหรับการยืมอัตราร้อยละ 5.25% ต่อปี (การนับวันยืมหุ้น จะนับตั้งแต่วันที่ยืมจนถึงวันที่ส่งคืน โดยไม่นับวันที่คืน)
มีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ 50 บาท/วัน (บวก VAT 7%)
การคำนวณค่าธรรมเนียม
เช่น ขอยืมหุ้น BBL 5,000 หุ้น ราคาปิด ณ สิ้นวัน 208 บาท
= 160.06 บาท
ปัจจุบัน SBL ถูกใช้เป็นเครื่องมือที่เกี่ยวพันกับ product ต่างๆ มากมายเพิ่มขึ้น ทั้ง Block Trade, Options, DW ดังนั้น อย่ามองข้ามความสำคัญของ SBLนะครับ แล้วครั้งหน้า เรามาดูกันต่อนะครับว่าเอาไปใช้อย่างไร
หากนักลงทุนท่านใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฝ่ายบริการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ คลิก
…………………………………………………………………………………………………….
iExchange Traded Fund (ETF) คือ กองทุนเปิดที่จดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ซื้อขายสะดวกเหมือนหุ้น แต่กระจายความเสี่ยงเหมือน Index Fund ที่เสียค่าบริหารจัดการต่ำกว่ากองทุนอื่นๆ กองทุน ETF สามารถอ้างอิงสินค้าได้หลายประเภท เช่น ดัชนีราคาหลักทรัพย์ (Equity ETF) ดัชนีราคาตราสารหนี้ (Bond ETF) และ ดัชนีราคาทองคำ (Gold ETF)
iiSingle Stock Futures คือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงราคาหุ้น เป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเภทหนึ่งในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(TFEX) โดยผู้ซื้อและผู้ขายตกลงกันในวันนี้ว่าในอนาคตจะซื้อขายหุ้นกันที่ราคาเท่าไร จำนวนเท่าใด ทั้งนี้ การยืมหุ้นนั้นไม่มีการจำกัดระยะเวลาในการยืม แต่ไม่เกิน 1 ปี โดยปกติแล้วจะมีการเรียกคืนหลักทรัพย์ก่อนวันขึ้นเครื่องหมาย XD ,XM แต่ทางโบรคฯ จะมีการแจ้งให้ผุ้ยืมทราบก่อนล่วงหน้าเสมอ เพื่อให้ผู้ยืมสามารถวางแผนกลยุทธ์การซื้อคืนได้
www.mitihoon.com