PTT ชี้ราคาน้ำมันลง กระทบโดยตรง PTTEP แต่ภาพรวมทั้งปียังแกร่ง หลังตุนกำไร 9 เดือนแรกไว้เยอะ ประเมินปีหน้า ราคาน้ำมัน 65-80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

98

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ปตท.หรือ PTT โดยนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เผยว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบ ช่วงนี้จนถึงปลายปี 61 คาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 60-70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบร่วงลงแรงในช่วงก่อนนนี้ โดยราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอาจจะส่งต่อผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจต้นน้ำ อย่าง บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ PTTEP ที่จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงโดยตรง แต่เชื่อว่าภาพรวมทั้งปีนี้จะไม่ได้กระทบมากนัก เนื่องจากในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้กลุ่ม ปตท.สามารถทำผลการดำเนินงานได้ดี

สำหรับการประเมินทิศทางราคาน้ำมันในปีหน้าจะทรงตัวไม่เกินกรอบ 65-80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากปัจจุบันการรวมตัวของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยังคงมีความแน่นแฟ้นที่จะคงการผลิตให้อยู่ระดับเหมาะสมและรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันไม่ให้ถูกหรือแพงเกินไป รวมถึงกำลังการผลิตจากสหรัฐยังคงมีอยู่ แม้ยังติดขัดในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปการที่จะส่งออกน้ำมันยังมีปัญหา แต่หากสามารถแก้ไขได้แล้วเสร็จก็จะทำให้มีปริมาณน้ำมันออกสู่ตลาดได้

นอกจากนี้ ยังประเมินความต้องการใช้น้ำมันของโลกคาดว่าจะยังเติบโตได้ถึงระดับ 100 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วง 5-6 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 90 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะความต้องการใช้ในไทยมีเพียงประมาณ 9 แสนบาร์เรลต่อวัน หรือไม่เกิน 1% ของความต้องการใช้ตลาดโลก ทำให้ไทยไม่สามารถควบคุมทิศทางราคาน้ำมันได้

ขณะที่ความคืบหน้าการลงทุนตามโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (EFC) เบื้องต้น ปตท.จะร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมสร้างห้องเย็นเพื่อเพิ่มมูลค่าผลไม้ไทยในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยการนำความเย็นจากก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มาทำห้องเย็นเก็บผลไม้ โดยปตท.จะนำแผนงานเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ในวันที่ 16 พ.ย.นี้ หรือในเดือน ธ.ค.นี้  ขณะที่การลงทุนคลัง LNG แห่งใหม่ ตามแผนพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ยังต้องรอดูแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาว (PDP) ฉบับใหม่ออกมาก่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

www.mitihoon.com