BGC กำไรสุทธิ 9 เดือนแรก 341.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86%  บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.06 บาท

220

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส หรือ BGC  ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้ว โดยนายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร กรรมการผู้จัดการ  เผยว่า ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 61 (ม.ค.-ก.ย.) มีกำไรสุทธิ 341.32  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 183 ล้านบาท

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 มีกำไรสุทธิ 84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 69 ล้านบาท แม้ว่ารายได้รวมอยู่ที่ 2,280 ล้านบาท ชะลอตัวเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,677 ล้านบาท

สำหรับผลกำไรช่วง 9 เดือนแรกและไตรมาส 3 ของปีนี้ที่เติบโตได้ดี มีปัจจัยมาจากยอดขายบรรจุภัณฑ์แก้วในกลุ่มเครื่องดื่มที่ไม่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ (Soft Drinks) และยอดขายจากตลาดต่างประเทศที่ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับบริษัทฯ มุ่งเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วที่มีมูลค่าสูง (High Value Product) และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี ตลอดจนได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตภายในโรงงาน ควบคุมค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน และยังมีต้นทุนการผลิตที่ลดลงหลังจากบริษัทฯ ปิดการใช้งานเตาหลอมแก้วภายในโรงงานจังหวัดระยองที่เปิดใช้มานาน นอกจากนี้ ยังได้รับผลดีจากราคาเศษแก้วที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.06 บาทต่อหุ้น เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 41,666,640 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 49.5 เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของไตรมาส 3/61 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 29 พ.ย.61 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 13 ธ.ค.61

ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ หลังจากโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วแห่งใหม่ที่จังหวัดราชบุรีเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อย โดยมีเตาหลอมแก้วเพิ่มขึ้น 1 เตา จึงทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 400 ตันต่อวัน รวมเป็นประมาณ 3,495 ตันต่อวัน ส่งผลดีต่อการขยายตลาดในประเทศและตลาดส่งออก เช่น ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งยังมีความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์แก้วอีกเป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันมีผู้ผลิตรายใหญ่ในภูมิภาคนี้เพียงไม่กี่ราย เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงและต้องมีความมั่นคงด้านแหล่งวัตถุดิบที่เพียงพอใช้ในการผลิต

www.mitihoon.com