ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ PTTEP โดยนางสาวกาญจนันท์ ปาณานนท์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายตลาดทุนและนักลงทุนสัมพันธ์ เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการปี 61 มีโอกาสเติบโตดีกว่าปี 60 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเฉลี่ยในระดับสูง โดยคาดว่าปีนี้จะเฉลี่ยที่ระดับ 74 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากปีก่อนเฉลี่ยในระดับ 53 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
นอกจากนี้ ยังสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดี โดยจะรักษาต้นทุนต่อหน่วยให้อยู่ในระดับ 31 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาขายปีนี้เฉลี่ยในระดับสูง แม้ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาราคาน้ำมันจะผันผวนก็ตาม
อีกทั้งยังมั่นใจว่าปริมาณการผลิตปิโตรเลียมในปีนี้จะเป็นไปตามเป้า 310,000 บาร์เรลต่อวันเทียบน้ำมันดิบ เนื่องจากมีสัดส่วนการถือหุ้นในแหล่งบงกชเพิ่มขึ้น ขณะที่ 9 เดือนแรก 61 ผลิตที่ระดับ 300,338 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงกว่าภาพรวมทั้งปีของปีก่อนที่มีปริมาณการผลิตในระดับ 300,000 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อการเติบโต ส่วนค่าเงินบาทหากแข็งขึ้นทุก 1 บาท ส่งผลบวกต่อกำไรดีขึ้น 90-100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มปริมาณสำรองการผลิตปิโตรเลียม PTTEP ได้เตรียมเงินลงทุนสำหรับซื้อกิจการ (M&A) ไว้ราว 500 – 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 แหล่ง โดยได้ให้ความสนใจไว้ในหลายแหล่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ในประเทศเมียนมา มาเลเซีย รวมถึงกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ส่วนแหล่งผลิตในประเทศโมซัมบิกที่ PTTEP ถือหุ้นราว 8.5% คาดตัดใจลงทุนขั้นสุดท้ายได้กลางปี 62 ขณะเดียวกันเตรียมขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นการต่อยอดการลงทุนจากแหล่งผลิตปิโตรเลียมโดยเป็นการร่วมลงทุนกับบริษัทในกลุ่มปตท.
อย่างไรก็ตาม PTTEP มีเงินสดในมือ 3,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพียงพอสำหรับการลงทุนในการซื้อกิจการ และการขยายการลงทุนใหม่อย่างแหล่งบงกช –เอราวัณ หากชนะการประมูล
www.mitihoon.com