มิติหุ้น- บิ๊กบอส “โฮ เรน ฮวา” บมจ.ไทยวา หรือ TWPC แย้มแนวโน้มไตรมาส 4/61 โตแกร่ง หลังเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง ราคาต้นทุนปรับลดลง แถมกำลังการผลิตพุ่งปรี๊ด มั่นใจหัวมันฯ กำลังทยอยกลับสู่ภาวะปกติทั้งราคาและปริมาณ พร้อมมองหาแหล่งวัตถุดิบหัวมันในประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มเติม
นายโฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) (TWPC) ผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง และผู้นำตลาด โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์วุ้นเส้นสดและวุ้นเส้นแห้งในประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2561 คาดาจะสามารถเติบโตได้มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตมากกว่าไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากจะเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง และได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวลดลงของต้นทุนวัตถุดิบหัวมัน ประกอบกับกำลังการผลิตธุรกิจแป้งฯ เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณการขายมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น
“ปัญหาหัวมันราคาสูงและขาดแคลนในช่วงที่ผ่านมากำลังทยอยกลับสู่ภาวะปกติ โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดว่าปริมาณหัวมันจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในปี 2562 นี้ ทำให้เราเชื่อมั่นว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทฯ จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง” นายโฮ เรน ฮวา กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมรับมือกับความผันผวนของปริมาณวัตถุดิบในอนาคต โดยมีการเริ่มเข้าไปให้ข้อมูลความรู้และเทคโนโลยีต่างๆ แก่กลุ่มเกษตรกรในครอบครัวไทยวา และเข้าร่วมกับโครงการเกษตรแปลงใหญ่กับทางรัฐบาล เพื่อช่วยสนับสนุนเกษตรกรไทยที่เข้าร่วมโครงการ ได้พัฒนาผลผลิตหัวมันให้มีคุณภาพและปริมาณที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ ยังขยายแหล่งวัตถุดิบหัวมันไปยังในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีพื้นที่อุดมสมบูรณ์และมีแนวโน้มของผลผลิตที่ดีอีกด้วย
ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 3/2561 ที่ผ่านมาบริษัทฯ มียอดขายรวมจำนวน 1,722 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 246 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของยอดขายกลุ่มธุรกิจอาหาร และธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง ซึ่งได้รวมยอดขายของธุรกิจใหม่คือ ธุรกิจแป้งมันสำปะหลังดัดแปรด้วย
ในส่วนของธุรกิจอาหาร บริษัทฯ ยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำตลาด สามารถเติบโตด้วยความแข็งแกร่งโดยเฉพาะในช่องทางการขายที่สำคัญ รวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สู่ผู้บริโภค โดยในไตรมาส 3/2561 ตลาดในประเทศยังคงเป็นตลาดหลักคิดเป็นร้อยละ 90 ของยอดขายทั้งหมดในธุรกิจอาหาร และร้อยละ 10 เป็นยอดขายจากการส่งออก
ทั้งนี้ ยอดขายผลิตภัณฑ์วุ้นเส้นและก๋วยเตี๋ยว ภายในประเทศไทยเติบโตร้อยละ 1 และร้อยละ 21 ตามลำดับ เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยายช่องทางการจัดจําหน่ายและกลยทุธ์ทางการตลาดที่ดี ส่วนรายได้จากการส่งออกของผลิตภัณฑ์จากวุ้นเส้นและก๋วยเตี๋ยวเติบโตถึงร้อยละ 31 และร้อยละ 67 ตามลำดับ เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปริมาณที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากลูกค้าในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป จีน และกลุ่มประเทศ CLMV
ขณะที่ผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2561 ของบริษัทฯ มียอดขายรวมจำนวน 5,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 756 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบด้วยรายได้จากธุรกิจแป้งมันสำปะหลังจำนวน 2,174 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจแป้งมันสำปะหลังมูลค่าเพิ่ม (HVA) จำนวน 1,861 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจอาหารจำนวน 1,065 ล้านบาท
www.mitihoon.com