ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.บ้านปู หรือ BANPU ผู้ประกอบการธุรกิจถ่านหิน และโรงไฟฟ้า โดยนางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 4/61 มีแนวโน้มที่น่าพอใจ ซึ่งเป็นผลจากการเดินหน้าผนึกกำลังกลุ่มธุรกิจหลักจากต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ ประกอบด้วยปริมาณการขายถ่านหินที่สูงและราคาขายถ่านหินในสัญญาซื้อขายถ่านหินล่วงหน้าที่อยู่ในระดับที่ดี ส่วนราคาถ่านหินในตลาดโลกที่อยู่ในระดับ 99.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูงและยังเป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการของ BANPU ได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงนั้นอานิสงส์ต่อต้นทุนการผลิตของบริษัทโดยเฉพาะการผลิตในเหมืองอินโดนีเซียที่มีต้นทุนลดลง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากราคาก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกาที่สูงขึ้นกว่าไตรมาสก่อน และธุรกิจไฟฟ้าสามารถดำเนินการได้ตามแผน
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินหุ้น BANPU ว่า ภาพรวมผลประกอบการปี 61 ประเมินกำไรสุทธิไว้ที่ 9.6 พันล้านบาทเติบโตเพิ่มขึ้น 22% เทียบกับปี 60 ที่มีกำไรสุทธิ 7,900 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจถ่านหินมีผลประกอบการที่โดดเด่นสอดคล้องกับราคาถ่านหิน Newcastle ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยในระดับ 117-120 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน สูงสุดในรอบ 27 ไตรมาส แม้ปัจจุบันจะปรับตัวลดลงที่ 98-100 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันก็ตามแต่ยังถือว่ายังอยู่ในระดับที่สูง
ส่วนราคาถ่านหินเฉลี่ยสำหรับเหมืองอินโดนีเซีย และออสเตรเลียก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเท่ากับ 80.2 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และ 99.8 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน โดยปริมาณการขายจากเหมืองอินโดนีเซีย และออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 9.7 ล้านตัน ดังนั้นยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2561 ที่ 26.00 บาท
www.mitihoon.com