แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

133

              ดัชนี SET index สัปดาห์ที่ผ่านมาเกิด Technical Rebound ทดสอบแนวต้านที่เราประเมินไว้ที่บริเวณ 1645 จุด แต่ไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ (ทำจุดสูงสุดระหว่างสัปดาห์ที่ 1650 จุด) ประเมินสัปดาห์นี้หากไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ากระตุ้นบรรยากาศการลงทุนเพิ่มเติม มีโอกาสที่จะย่อลงทดสอบแนวรับ 1600 จุดอีกครั้ง แต่กรณีที่มีข่าวบวกเข้ามาเพิ่มเติม คือ ประเด็นเรื่องการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน ที่มีความหวังในช่วงสุดสัปดาห์นี้ อาจทำให้ดัชนี SET index แกว่งตัว Sideway up ทดสอบแนวต้าน 1660 จุด ได้เช่นกัน (ขณะที่เราเขียนบทความนี้ยังไม่ทราบผลการเจรจาช่วงสุดสัปดาห์นี้)

ล่าสุดตัวเลขเงินเฟ้อ core PCE เดือน ต.ค. ของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 1.8% YoY ต่ำกว่าที่ consensus คาดการณ์และช่วยย้ำมุมมองล่าสุดของประธานเฟดที่แถลงเมื่อวันก่อนว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ได้ปรับขึ้นมาใกล้ระดับสมดุล (neutral rate) แล้ว ซึ่งเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อ Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้นสำหรับปีหน้า ประเด็นที่นักลงทุนต้องติดตามเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้ จะเป็นประเด็นปัจจัยต่างประเทศเป็นหลักคือ แนวทางการเจรจาการค้าสหรัฐฯ และจีนในช่วงประชุมจี-20 และการประชุมกลุ่มโอเปกเรื่องการตัดสินใจลดกำลังการผลิตน้ำมัน ในวันที่ 6 ธ.ค. ซึ่งหากปลดล๊อกทั้ง 2 ประเด็นได้คือ i ) ได้บทสรุปของสงครามการค้าในทิศทางที่ดีขึ้น และ ii) ราคาน้ำมันรีบาวด์ได้หลังการประชุมโอเปก เราประเมินว่าจะเป็นแนวโน้มที่ดีสำหรับตลาดหุ้นไทยในช่วงท้ายของปี 2561

สำหรับประเด็นเรื่อง Valuation ของ SET index ขณะนี้นั้น เริ่มผ่อนคลายลงบ้างในด้านของ Cyclical Adjusted PE หรือ CAPE ที่ดัชนีระดับปัจจุบัน (แต่ก็ยังถือว่าดัชนีหุ้นไทย “ไม่ถูก”) และในด้านของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ลดระดับลงมาบ้าง แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูงกว่าอดีตพอสมควร อย่างไรก็ดีในด้านของประมาณการ EPS ของ SET index เป็นประเด็นที่เรายังให้น้ำหนักมากสุดในขณะนี้ เนื่องจากแนวโน้มกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปี 2562 อาจจะเติบโตในระดับที่ชะลอตัวลง ทั้งจากราคาน้ำมันที่พักฐานในขณะนี้, กลุ่มอสังหาฯที่ยอดขายอาจเริ่มชะลอตัวลงจากมาตรการคุมฟองสบู่ในภาคอสังหาฯ, กลุ่มท่องเที่ยวที่จำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มชะลอตัวลง ดังนั้นความเสี่ยงด้าน Valuation ยังมีอยู่บ้าง เราจึงแนะนำ นักลงทุน เลือกซื้อลงทุนหุ้นเป็นรายตัวที่แนวโน้มผลการดำเนินงานยังดี หรือมี ธีมการลงทุนเฉพาะตัว เช่น กลุ่มรับเหมาฯ (CK, STEC, SEAFCO, PYLON) ที่คาดจะรู้ผลการประมูลระไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ภายในเดือน ธ.ค.นี้ / กลุ่มท่องเที่ยว (AOT, ERW, SPA) ที่คาดว่าจะผ่านช่วงที่แย่ที่สุดไปแล้ว โดยจำนวนนักท่องเที่ยวเดือน ต.ค.แม้ว่าจะชะลอตัวลงแบบ YoY เป็นครั้งแรกในรอบปี แต่รายจ่ายด้านการท่องเที่ยวในเดือน ต.ค.ยังเติบโต YoY แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของนักท่องเที่ยวชาติอื่นที่ยังเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นทดแทนการชะลอตัวลงของนักท่องเที่ยวจีน / กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BBL, KTB) แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยน่าจะเป็นการทรงตัว – ปรับขึ้น ตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เป็นต้น

โดยสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)

www.mitihoon.com