ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล. ทรีนีตี้ โดยนายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือน ธ.ค.2561 แกว่งตัว Sideways โดยมีกรอบแนวรับสำคัญที่ 1,600 จุด และกรอบแนวต้านสำคัญที่ 1,700 จุด ประเมินระดับดัชนีที่เหมาะสมในแง่ของ Valuation อยู่ที่1,640-1,650 จุด ซึ่งเป็นระดับเทียบเท่า Forward PE 14 เท่า
โดยปัจจัยบวกสำคัญที่สนับสนุนการปรับตัวขึ้นของตลาดในเดือนนี้ ได้แก่ 1.การเห็นพ้องต้องกันระหว่างสหรัฐฯและจีนในการเลื่อนกำหนดระยะเวลาที่สหรัฐฯจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 200,000ล้านดอลลาร์สหรัฐฯออกไป 90 วันจากกำหนดเวลาเดิมในวันที่ 1 ม.ค. 2562 พร้อมทั้งการที่จีนรับปากจะสั่งซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ ทั้งจำพวกเกษตร พลังงาน เป็นต้น
2.Bond yield สหรัฐฯ ที่น่าจะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ตอบรับคำพูดในเชิง Dovish ที่มากขึ้นของนาย Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ( Fed) และความเป็นไปได้ที่ Fed จะปรับลดประมาณการ Dot Plot หรือประมาณการอัตราดอกเบี้ยปีหน้าในการประชุมวันที่ 18-19 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้ดัชนีหุ้นไทยมีความน่าสนใจมากขึ้นในมิติของ Earning yield gap และน่าจะทำให้แรงขายของนักลงทุนต่างชาติเบาบางลงในช่วงถัดไปและ 3.ราคาน้ำมันดิบที่น่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นตามความคาดหวังต่อการส่งสัญญาณการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในเดือนนี้ แนะนำนักลงทุนที่แบ่งขายทำกำไรไปแล้วบริเวณดัชนี 1,640-1,
650 จุด ถือหุ้นในส่วนที่เหลือต่อ และรอขายทำกำไรหากดัชนีปรับขึ้นไปยังบริเวณกรอบแนวต้านด้านบนที่ 1,700 จุด โดยมองกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจลงทุน ได้แก่ 1.กลุ่มค้าปลีก เช่น ROBINS เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศยังคงมีสัญญาณที่ดีต่อเนื่อง 2.กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ แนะนำหุ้น SAT ที่ราคาปรับตัวลงมาแรงมาก สวนทางกับยอดผลิตรถยนต์ที่ยังเติบโตโดดเด่น 3.กลุ่มพลังงาน เลือกPTTEP เนื่องจากประเมินว่าราคาน้ำมันที่ระดับปัจจุบันมี Upside มากกว่า Downside แล้ว และ 4.กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เช่น BBL, KTB หาก กนง. มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค.นี้ ซึ่งดูเหมือนจะมีโอกาสมากขึ้น ภายหลังธนาคารกลางเกาหลีใต้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา
www.mitihoon.com