มิติหุ้น – กูรูทิสโก้ฟันธงปี 62 หุ้นโลกปรับลงในกรอบจำกัด เหตุตลาดปรับฐานลงรุนแรง และระดับราคาปัจจุบันต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตแล้ว แนะกลยุทธ์ลงทุนปีหน้าเน้นหุ้นกลุ่มตั้งรับ ชี้เป้ากลุ่ม Global Health Care หลบภัยตลาดผันผวน
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ เปิดเผยว่า ในปี 2562 แม้ TISCO ESU ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามากระทบ เช่น สงครามการค้าที่จะกระทบเต็มปี แรงกดดันจากการขึ้นภาษีการบริโภคของญี่ปุ่น ในขณะเดียวกันภาครัฐและธนาคารกลางต่างมีข้อจำกัดในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นต้น
มองตลาดหุ้นปรับตัวลงจำกัด
อย่างไรก็ดี มองว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจดังกล่าว จะส่งผลในระยะสั้นมีโอกาสที่ตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับลดลงค่อนข้างจำกัด เพราะในปีนี้มีการปรับฐานรุนแรงไปถึง 2 ครั้งแล้ว ในช่วงเดือน ก.พ. และ ต.ค. โดยหากนับจากจุดสูงสุดเมื่อต้นปี 2561 ตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรป ปรับฐานไปกว่า 10-15% ขณะที่ตลาดหุ้นกำลังพัฒนาปรับฐานรุนแรงกว่า 15-30% นำโดยตลาดหุ้นจีน และเกาหลี
ในส่วนของการปรับฐานในรอบนี้ นับเป็นการลดลงในอัตราที่ใกล้เคียงกับการปรับฐานของตลาดในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ระดับราคา (Valuation) ของตลาดหุ้นทั่วโลกซึ่งเคยอยู่ในระดับสูงในช่วงต้นปี 2561 ลดลงมาอยู่ที่ระดับใกล้เคียงค่าเฉลี่ยระยะยาว 10 ปี สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐและต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว สำหรับตลาดหุ้นกำลังพัฒนา
ชี้เป้าลงทุนหุ้นกลุ่มตั้งรับ
ทั้งนี้ TISCO ESU มองว่า ในระยะสั้นตลาดหุ้นมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น ภายหลังจากผู้นำสหรัฐและจีนได้เจรจากันในการประชุม G20 ทำให้ปัจจัยเสี่ยงจากสงครามการค้าโลกลดลง ส่วนตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกจากเม็ดเงินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เริ่มเข้ามาประคองตลาด ประกอบกับการมีผลบังคับใช้ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 ในช่วงต้นเดือน ธ.ค. ซึ่งจะทำให้กำหนดการเลือกตั้งมีความชัดเจนขึ้น
อย่างไรก็ตาม มองว่า ปี 2562 จะเป็นปีที่ตลาดผันผวนไม่น้อยไปกว่าปีนี้ และการลงทุนยังคงต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยแนะนำกลยุทธ์ให้นักลงทุน เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มตั้งรับ (Defensive) ซึ่งมีการเติบโตของกำไรสม่ำเสมอไม่ว่าจะอยู่ในช่วงไหนของวัฏจักรเศรษฐกิจ และเลือกหุ้นในกลุ่ม Global Health Care เป็นตัวเลือกหลักสำหรับ ธีมการลงทุนแบบ Defensive ในปี 2562 เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถทนทานต่อสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ได้ดีกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ