ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน) บลจ.กสิกรไทย หรือ KAsset เปิดเผยถึงมุมมองตลาดตราสารหนี้ปี 2562 โดยคาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ปี 2562 จะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราผลตอบแทนปัจจุบัน (Running Yield) ที่สูงขึ้นตามทิศทางขาขึ้นของดอกเบี้ย
ขณะที่สภาพคล่องในประเทศยังอยู่ในระดับสูง และอัตราเงินเฟ้อไม่เร่งตัว อย่างไรก็ตามความผันผวนของราคาตราสารหนี้ยังคงมีอยู่จากปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะขึ้น 2 ครั้งในปี 2562 เพื่อเป็นการรักษาระยะห่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของไทยและสหรัฐฯ อีกทั้งประเด็นการเพิ่มขึ้นของส่วนต่างผลตอบแทนของหุ้นกู้ในประเทศด้วย
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดดัชนีพันธบัตรไทยเอบีเอฟ (ABFTH) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2560 – 30 พ.ย.2561 ในอัตรา 4.00 บาทต่อหน่วย ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 17 ธ.ค.2561 โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 ธ.ค.2561 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 31.50 ล้านบาท
โดยที่ผ่านมา กองทุนสามารถสร้างผลการดำเนินงานอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2549 โดยกองทุนมีการจ่ายเงินปันผลไปแล้ว 26 ครั้ง รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 424.73 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี และ 3 ปี อยู่ที่ 0.51% ต่อปี และ 2.39% ต่อปี ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 0.65% ต่อปี และ 2.59% ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ย. 61)
“จุดเด่นของกองทุน ABFTH คือ เป็นกองทุนรวม ETF กองทุนแรกของไทยที่มีการลงทุนโดยอ้างอิงกับดัชนีตราสารหนี้ภาครัฐ (iBoxx ABFTH Index) โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลไทย หรือออกโดยภาครัฐที่มีรัฐบาลไทยเป็นผู้ค้ำประกัน หรือได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือไม่ต่ำกว่าระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) จากสถาบันจัดอันดับที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล จึงมีความเสี่ยงด้านการผิดนัดชำระหนี้ต่ำมาก และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงเนื่องจากกองทุนมีอายุเฉลี่ยของตราสาร (Portfolio Duration) ยาวกว่ากองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วไป” นายชัชชัยกล่าว