มิติหุ้น- RATCH เต็งหนึ่งคว้า IPP โชนตะวันตก 1400 เมกะวัตต์ ตามแผนพีดีพี ขณะภาพรวมปี61 COD 6,850 เมกะวัตต์ ต้นปี62 จ่อปิดดีล โครงการพลังงานลมออสเตรเลีย 200 กว่าเมกะวัตต์ เป้า COD 7,600 เมกะวัตต์ ด้านโบรกประเมินราคา 58 บาทมีอัพไซต์อีก 10 บาทแนะซื้อรอปันผล 5%
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายว่า บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง หรือ RATCH ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า โดยนายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี) ที่เปิดโอกาสให้เอกชนแข่งขันประมูลกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP) 8,300 เมกะวัตต์
โดยอยู่ในโซนภาคตะวันตก 2 โครงการรวมกำลังการผลิต 1,400 เมกะวัตต์โดยในพื้นที่นี้ RATCH มีโรงไฟฟ้าที่จะหมดอายุสัญญาจำนวน 2 โครงการ คือ โรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ 720 เมกะวัตต์หมดอายุปี 63 และโรงไฟฟ้าราชบุรี 3.6 พันเมกะวัตต์หมดอายุปี 70 ซึ่งก็เป็นโอกาสในกาแข่งขันเพราะมีพื้นที่รองรับเพียงพอ แต่ก็พร้อมแข่งขันทุกโซนที่เปิดประมูล
ส่วนภาพรวมในปี 61 จะมีกำลังการผลิตที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ราว 6,850 เมกะวัตต์ โดยรวมกำลังการผลิตของการซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่อินโดนีเซีย 180 เมกะวัตต์ และพลังงานลมที่ออสเตรเลีย 180 เมกะวัตต์ ขณะที่โครงการผลิตน้ำประปาแสนดินในสปป.ลาว กำลังการผลิต 48,000 ลูกบาศเมตรต่อวันมีกำลังการผลิตเทียบเท่า 114 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ยังเหลือกำลังการผลิตที่มีอยู่ในมืออีก 771.76 เมกะวัตต์อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำเซเปียน-เซน้ำน้อย 102.50 เมกะวัตต์ เบิกไพรโคเจนเนอเรชั่น 34.73 เมกะวัตต์ COD ปี62 โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมนวนครเฟส2 ตามสัดส่วนการถือหุ้น 24 เมกะวัตต์ COD ปี 63 โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม Riau ที่อินโดนีเซีย 141.03 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้านิวเคลียที่ประเทศจีนตามสัดส่วนการถือหุ้น 236 เมกะวัตต์ โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศออสเตรเลีย 42.50 เมกะวัตต์ COD ปี64 และรวมโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-สายสีชมพูเทียบเท่ากำลังการผลิตติดตั้ง 191 เมกะวัตต์
สำหรับในปี 62 ตั้งเป้า COD เข้ามาเพิ่มอีก 700-750 เมกะวัตต์ซึ่งจะส่งผลให้มีกำลังการผลิตที่ COD เป็นทั้งสิ้น 7,550-7,600เมกะวัตต์ ทั้งนี้เพื่อให้กำลังการผลิตเป็นไปตามเป้าหมาย RATCH ยังได้มุ่งเน้นการลงทุนซื้อกิจเข้ามาเพิ่ม ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจาอีกหลายโครงการในประเทศอินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ และออสเตรเลียทั้งที่เป็นพลังงานทดแทนและฟอสซิล โดยคาดต้นปี 62 จะสามารถได้ข้อสรุปในการซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศออสเตรเลียอย่างน้อย 1-2 โครงการกำลังการผลิตรวมประมาณ 200 กว่าเมกะวัตต์
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเมินหุ้น RATCH ว่า มีโอกาสสูงที่จะได้เป็นผู้ลงทุนผลิตไฟฟ้า IPP ในโซนภาคตะวันตกเนื่องจากมีพื้นที่โรงไฟฟ้าที่จะหมดอายุสัญญาอยู่ 2 โรง ส่วนกำไรสุทธิปี61 ประเมินไว้ที่ 6,832 ล้านบาทเติมโตเพิ่มขึ้นตามกำลังการผลิตมีเพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยประเมินราคาหุ้นที่เหมาะสมไว้ที่ 58 บาทมองว่ามีอัพไซด์เพิ่มอีก 10 บาทพร้อมกับคำแนะนำซื้อรอเงินปันผลคาดว่าจะมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 4-5%