ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่า อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศ มีการปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุ ตามอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐ และเงินเฟ้อเดือนธันวาคมของไท ที่ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้ยังคงมีแรงซื้อตราสารหนี้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มียอดซื้อสุทธิจำนวนกว่า 4,000 ล้านบาท ส่วนอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี อยู่ที่ 1.77% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี อยู่ที่ 2.10% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี อยู่ที่ 2.42% ต่อปี
จังหวะดีเสิร์ฟ2กองทุนตราสารหนี้
ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ มีการปรับตัวลดลงเกือบทุกช่วงอายุ ตามกระแส Risk off จากความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และวิกฤติ Partial Government Shutdown ทั้งนี้ หลังเฟดส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ตัวเลขการจ้างงานแกร่งเกินคาด และความคาดหวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนมีความคืบหน้า โดยอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้สหรัฐ อายุคงเหลือ 2 ปี อยู่ที่ 2.50% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี อยู่ที่ 2.49% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี อยู่ที่ 2.66%
สำหรับในช่วงสัปดาห์นี้ บริษัทได้เปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ ประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 207 (KTFF207) อายุโครงการ 12 เดือน และกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 217 (KTFF217) อายุโครงการ 6 เดือน เสนอขายตั้งแต่วันนี้ – 15 ม.ค. 2562 เน้นลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ต่างประเทศ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เพื่อเป็นการเลือกให้กับนักลงทุนในการเลือกลงทุนตามระยะเวลาที่เหมาะสมกับตนเอง
ให้ผลตอบแทนสูงสุด 2% ต่อปี
โดยกองทุน KTFF 207 และ กองทุน KTFF 217 เน้นลงทุนในเงินฝากประจำ Agricultural Bank China, Bank of China, China Construction Bank Asia, Abu Dhabi Commercial Bank, Qatar National Bank, AL Khalij Commercial Bank และ AL Ahli Bank ผลตอบแทนของกองทุน KTFF207 ประมาณ 2.00% ต่อปี ส่วนกองทุน KTFF217 ผลตอบแทนประมาณ 1.70%ต่อปี โดยบุคคล ธรรมดาไม่เสียภาษี ณ ที่จ่าย