KTBST ยื่นไฟลิ่ง เสนอขายไอพีโอ 16.77 ล้านหุ้น ระดมทุนขยายธุรกิจ พัฒนาระบบการให้บริการ

80

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.หลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST โดย นายสมภพ ศักดิ์พันธุ์พนม ประธานกรรมการ เผยว่า บริษัทได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)และยื่นคำขอให้รับหุ้นสามัญของบริษัทเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 62

โดยเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญจำนวน 16.77 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกโดยบริษัท 11.77 ล้านหุ้น และหุ้นเดิมที่ผู้ถือหุ้นใหญ่เสนอขาย 5 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 10.00 บาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 670 ล้านบาท แบ่งเป็นจำนวนหุ้นสามัญ 67 ล้านหุ้น โดยมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 552.25 ล้านบาท แบ่งเป็นจำนวนหุ้นสามัญทั้งสิ้น 55.225 ล้านหุ้น

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร APM  กล่าวว่า KTBST ถือเป็นผู้นำนวัตกรรมการวางแผนบริหารจัดการการลงทุนแบบครบวงจรที่มีชื่อเสียง ด้วยคุณภาพการให้บริการ และโปรดักส์ทางการเงินที่หลากหลาย  ทำให้บริษัทได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี

 

ด้าน ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร KTBST เผยว่า บริษัทมีความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยวัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อขยายธุรกิจควบคู่กับการพัฒนาระบบการให้บริการ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้  KTBST ดำเนินธุรกิจ ให้บริการด้านการลงทุนแบบครบวงจร โดยบริษัทได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลังประเภท ก ให้ดำเนินประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ ได้แก่ บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ กองทุนส่วนบุคคล ตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวม ธุรกรรมยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ บริการวาณิชธนกิจ  ที่ปรึกษาทางการเงิน และการให้บริการออกแบบการลงทุน (Wealth Advice) และ KTBST ยังได้รับใบอนุญาตเพื่อประกอบธุรกิจซื้อ ขายหรือแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ จากธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการแลกเปลี่ยนเงินตราให้กับลูกค้าในการบริการธุรกรรมไปต่างประเทศอีกด้วย

สำหรับผลประกอบการของบริษัทย้อนหลัง (ปี 59- 60) มีรายได้รวมมูลค่าเท่ากับ 615.31 ล้านบาท และ 915.45 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 8.60 ล้านบาท และ 39.81 ตามลำดับ ในขณะที่ ณ งวด 9 เดือน 61 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 890.38  ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 50.07 ล้านบาท