ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มทีวีดิจิทัลภาคเช้านี้พบว่า ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากที่ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ประกาศว่า คณะกรรมการ ได้เห็นชอบมาตรการทดแทน ชดใช้ หรือจ่ายค่าตอบแทน ทั้งเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงคลื่นความถี่ดังกล่าว ซึ่งได้แก่ ผู้ประกอบการกิจการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล และผู้ให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล อย่างเป็นธรรม , สนับสนุนการดำเนินการของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลในส่วนค่าภาระอันเกิดจากการปฏิบัติตามประกาศ Must Carry
โดยทางด้านฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส เผยว่า บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ (BEC) จะได้รับประโยชน์ จากรณีดังกล่าวสูงสุด เนื่องด้วยถือใบอนุญาตถึง 3 ใบ มีค่าคลื่นคงเหลือที่ยังไม่จ่ายมากสุดที่ 2.3 พันล้านบาท ขณะที่ MCOT ถือ 2 ใบ มีค่าคลื่นค้าง 1.2 พันล้านบาท และ MONO RS WORK ถือรายละ 1 ใบ มีค่าคลื่นคงค้างราว 837 ล้านบาท 813 ล้านบาท และ 383 ล้านบาท ตามลำดับ
ทั้งนี้ WORK มีค่าคลื่นคงค้างน้อยกว่ารายอื่น เนื่องจากไม่ใช้สิทธิพักชำระหนี้ค่าคลื่น (เช่นเดียวกับช่อง 7) ตามที่คสช.ได้ออกม.44 ช่วยเหลือผู้ประกอบการเมื่อเดือนพ.ค.ปีก่อน ให้สิทธิพักชำระหนี้ค่าคลื่นได้ถึงปี 2020 โดยจ่ายดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี และลดค่าใช้จ่าย MUX 50% ส่วนค่าใช้จ่าย MUX และ Must carry BEC ก็มีมากสุด รวมกันราว 220 ล้านบาทต่อปี ขณะที่อีก 4 ช่องดังกล่าว มีค่าใช้จ่ายราว 55-60 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ ที่ Best case ราคาเป้าหมายของ BEC มีโอกาสเพิ่มราว 2.50 บาท RS เพิ่ม 1.50 บาท และ WORK เพิ่ม 2.80 บาท ตามลำดับ
สำหรับราคาหุ้น BEC ในช่วงภาคเช้าอยู่ที่ 5.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.39บาท หรือ 7.86% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 97.8ล้านบาท
ราคาหุ้น RS ในช่วงภาคเช้าอยู่ที่ 15.40 บาท เพิ่มขึ้น0.20 บาท หรือ1.32% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 20.7ล้านบาท
ราคาหุ้น WORK ในช่วงภาคเช้าอยู่ที่ 23.20 บาท เพิ่มขึ้น0.50 บาท หรือ2.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 14.7ล้านบาท
ราคาหุ้น MONO ในช่วงภาคเช้าอยู่ที่ 1.88 บาท เพิ่มขึ้น0.03 บาท หรือ1.62% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.58 ล้านบาท
