ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY และบริษัทในเครือ รายงานผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในปี 2561 โดยมีกำไรสุทธิจำนวน 2.48 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.9% จากปี 2560 มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อที่สูงถึง 10.4% และการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม รวมทั้งการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ตอกย้ำศักยภาพที่แข็งแกร่งของกรุงศรีและความคล่องตัวในการปรับพอร์ตสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง
โดยการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ เพิ่มขึ้น 10.4% หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 1.61 แสนล้านบาท มาจากสินเชื่อเพื่อรายย่อยที่เพิ่มขึ้น 14.3% ขณะที่สินเชื่อลูกค้าบรรษัทญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ (JPC/MNC) และสินเชื่อลูกค้าธุรกิจ SME เติบโตที่ 19.1% และ 14.8% ตามลำดับ ส่วนการเติบโตของเงินรับฝาก เพิ่มขึ้น 8.1% หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 1.07 แสนล้านบาท
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.81% เทียบกับ 3.74% ในปี 2560 รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 7.2% จากปี 2560 ปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ รวมถึงค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศและรายได้จากหนี้สูญรับคืน อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ อยู่ที่ 47.2% ปรับตัวดีขึ้นจาก 48.0% ในปี 2560 สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ที่ระดับ 2.06% อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 165.8% และ อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง อยู่ที่ระดับ 15.13%
ด้าน นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BAY กล่าวว่า แม้ว่ามีปัจจัยท้าทายจากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ กรุงศรียังคงส่งมอบผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในปี 2561 ด้วยผลกำไรสุทธิสูงถึง 2.48 หมื่นล้านบาท ส่วนแนวโน้มธุรกิจโดยรวมในปี 2562 ธนาคารยังคงระมัดระวังปัจจัยภายนอกประเทศท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่อเนื่องและมีอัตราการเติบโตที่ 4.1% ด้วยปัจจัยหนุนจากการลงทุนที่เข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นและการเดินหน้าลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ ผนวกกับแนวโน้มนโยบายเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้นภายหลังการเลือกตั้ง ธนาคารจึงคาดว่าอัตราการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้จะอยู่ในช่วง 6-8%