ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บริษัท บางกอกเดค-คอน จำกัด(มหาชน) หรือ BKD โดยด้านนางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ในปีนี้กลุ่มบริษัทโกลด์ชอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของบริษัทBKD ได้มีพิธีเปิดโครงการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาเพื่อจังหวัดภูเก็ต-พังงาอย่างเป็นทางการ โดยโครงการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาส่งให้พื้นที่บางส่วนของจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดพังงา ได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่ตำบลไม้ขาว และตำบลสาคู อำเภอถลางจังหวัดภูเก็ตในนามบริษัท ไฮโดรเอ็นเตอร์ไพร์ส แอนด์ อะควอดีซายน์ จำกัด หรือ HYDRO (บริษัทลูกของบริษัทโกลด์ชอร์ส ถือหุ้น สัดส่วน 99.99%) รวมระยะเวลา 30 ปี โดยมีแหล่งน้ำดิบมาจากขุมเหมืองเก่า เนื้อที่ประมาณ 340 ไร่ ตั้งอยู่ที่อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา
ทั้งนี้ บริษัทถือหุ้นสัดส่วน 40% ในบริษัท โกลด์ ชอร์ส จำกัด โดยบริษัทใช้งบลงทุนในครั้งนี้ราว 600 ล้านบาท ซึ่งตามแผนในปีนี้จะสามารถจำหน่ายน้ำประปาในเชิงพาณิชย์ได้ประมาณ 24,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน จากกำลังการผลิตสูงสุด 96,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
“ตามประมาณการของโครงการในปีแรกบีเคดีคาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจน้ำประปาประมาณ 40 ล้านบาท ตามสัดส่วนการถือหุ้น และหากเดินกำลังการผลิตสูงสุดที่ 96,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน บริษัทจะมีรายได้ปีละ 130 ล้านบาท ซึ่งหากเป็นไปตามแผนคาดว่าจะคุ้มทุนภายใน 7 ปี” นางนุชนารถ กล่าว
โดยการเข้าไปลงทุนในธุรกิจน้ำประปา เพราะบริษัทมองว่าธุรกิจสาธารณูปโภค เป็นธุรกิจที่เติบโตแบบยั่งยืน ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้บริษัทมีรายได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เพราะพื้นที่จำหน่ายน้ำประปาภายใต้สัญญาอยู่ในพื้นที่บางส่วนของจ.ภูเก็ต และจ.พังงา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการใช้น้ำสูง เป็นแหล่งพักอาศัย แหล่งท่องเที่ยวและแหล่งอุตสาหกรรม ปัจจุบันอยู่ในภาวะที่ขาดแคลนน้ำประปา
โดยทางด้านฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เผยว่า แนวโน้มงบไตรมาส4/61 จะเติบโตอย่างโดดเด่น การฟื้นตัวของงานก่อสร้างที่จะทำให้งานตกแต่งเร่งตัวขึ้นตาม และการเริ่มให้บริการน้ำปะปาที่ภูเก็ตตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ดังนั้นจึงคาดกำไรปี2561 จะอยู่ที่ 172 ล้านบาท และภายในปีนี้จะอยู่ที่ 228 ล้านบาท แนะนำ ซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท
ด้านนางสาวณัฐนันท์ ประสงค์ชัยกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้ชัดการ BKD เผยว่าบริษัทมีงานในมือ(Backlog) ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยจะรับรู้เป็นรายภายในปีนี้ 50% และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้อีก 2ปีจากนี้ โดยจากจำนวนงานในมือดังกล่าวนั้นเป็นงานจากลูกค้าในประเทศ กัมพูชา และเมียมา ราว 10% ซึ่งทางบริษัทยังหางานใหม่เข้ามาเสริมอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นภายในปีนี้คาดรายได้จะเติบโตได้ 10% พร้อมมั่นใจกำไรสุทธิจะเติบโตได้อย่างโดดเด่น
นอกจากนี้ยังเตรียมรู้ผลประมูลงานตกแต่งภายใน ของโรงเรียนนานาชาติ แห่งหนึ่งในประเทศไทย มูลค่า 100-200 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลภายในสัปดาห์หน้า
พร้อมกันนี้ยังวางเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ จะอยู่ที่ระดับ 20% เนื่องด้วยธุรกิจน้ำปะปา ให้มาร์จิ้นในระดับสูง และยังศึกษาการลงทุนธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำประปา เฟสใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้มีความสนในในโซนภาคใต้ เนื่องจากมีความต้องการใช้สูง
