ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต (MTL) เปิดเผยว่า ในปี 2562 นี้บริษัทตั้งเป้ามีเบี้ยประกันภัยรับปีแรก เติบโตเพิ่มขึ้น 26% จากปี 2561 ที่มีเบี้ยรับปีแรกอยู่ที่ 2.27 หมื่นล้านบาท ซึ่งยอดเบี้ยปีแรกจะแตะระดับ 2.8 หมื่นล้านบาท
สำหรับการบรรลุเป้าหมายนั้น บริษัทวางแผนการดำเนินงานในปีนี้จะเร่งการเติบโตในส่วนของประกันชีวิตและประกันสุขภาพให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคที่หันมาให้ความสนใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้น ส่วนแบบประกันออมทรัพย์ระยะสั้นที่จ่ายเบี้ยครั้งเดียว หรือซิงเกิ้ลพรีเมียมนั้น จะลดบทบาทลงไปอย่างมากตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้ก่อนหน้านี้ โดยเป้าหมายปีนี้แบบประกันคุ้มครองชีวิตจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 63% แบบประกันคุ้มครองสุขภาพที่จะโตเพิ่มขึ้น 76% และแบบประกันชีวิตควบการลงทุน เติบโตขึ้น 96%
ด้านผลประกอบการในปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 94,467 ล้านบาท ซึ่งแบบประกันคุ้มครองชีวิต โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 63% และแบบประกันชีวิตคุ้มครองสุขภาพอยู่ที่ 40% โดยแบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับใหม่ 22,773 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยปีต่อไป 71,694 ล้านบาท
ในส่วนของกำไรในปี 2561 นั้น มองว่าจะสามารถเติบโตได้มากกว่าปี 2560 ที่มีกำไรอยู่ที่ 8.6 พันล้านบาท ส่วนผลตอบแทนจากการลงทุน จะรักษาระดับที่ประมาณ 4% ได้เหมือนปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนลงทุนในพันธบัตร 85% และที่เหลืออีก 15% จะเป็นการลงทุนในหุ้นและอื่น ตามกฏของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
ไม่ห่วงนโยบายรัฐกระทบค่าเบี้ย
นายสาระ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของประเด็นที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) มีมติเห็นชอบให้เพิ่มยาและเวชภัณฑ์รวมทั้งบริการทางการแพทย์เป็นสินค้าที่ต้องควบคุมนั้น ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการ มองว่ายังต้องรอความชัดเจนจากอีกหลายภาคส่วน ที่ต้องร่วมหารือกันในรายละเอียดหลายด้าน ในเวลานี้จึงเร็วเกินไปที่จะตอบว่าจะกระทบกับค่าเบี้ยประกันชีวิตหรือไม่ แต่บริษัทมีนักคณิตศาสตร์ประกันภัยที่ดูแลด้านค่าเบี้ยประกันให้เป็นไปตามความเหมาะสม และองค์ประกอบอื่นๆ ตามกรอบที่กำหนดอยู่แล้ว ดังนั้น หากอนาคตมีความชัดเจนต่างๆ ที่เพียงพอ เมืองไทยประกันชีวิตก็พร้อมที่จะปฏิบัติเพื่อให้ถูกต้องและเหมาะสม