จับตาทิศทางนโยบายการเงินของ Fed

56

                เดือนทำการแรกของปี 2562 กำลังจะผ่านไปแล้ว ตลาดเงิน-ตลาดทุน ในเดือนมกราคมได้รับข่าวดีจากเรื่องกำหนดวันเลือกตั้งที่ประกาศออกมา ทำให้บรรยากาศการลงทุนในประเทศค่อนข้างเดินไปในทิศทางบวก สำหรับสัปดาห์ทำการสุดท้ายของเดือนมกราคมนี้  KTBST มองตลาดเคลื่อนไหวเชิงบวก แต่ดัชนีอาจไม่ได้ปรับตัวขึ้นไปมากนัก คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600 -1,650 จุด

โดยในสัปดาห์นี้จะมีประเด็นสำคัญที่ตลาดโลกจับตามองกัน 2 เรื่อง คือการเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับจีน ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าผลเจรจาอาจจะไม่เป็นบวกมากนัก เพราะข้อเสนอของจีนในบางประการ อย่างเช่น จะลดการเกินดุลการค้าลงให้เหลือศูนย์นั่น อาจจะทำไม่ได้จริงเพราะจะส่งกระทบต่อเศรษฐกิจของจีนเอง และยังมีประเด็นสำคัญในการเจรจาครั้งนี้คือ ล่าสุด  กระทรวงยุติธรรมสหรัฐตั้งข้อหาบริษัท หัวเว่ย ว่าละเมิดข้อตกลงมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านและละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐฯ ซึ่งต้องดูว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาในครั้งนี้หรือไม่ ..

อีกประเด็น คือ การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของสหรัฐฯ (วันที่ 29-30 ม.ค.) โดยการประชุมครั้งนี้คาดว่าไม่มีการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ที่ต้องจับตาดูคือ ถ้อยแถลงของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ว่าจะส่งสัญญาณเรื่องอัตราดอกเบี้ยอย่างไร ท่ามกลางแนวโน้มว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจจะชะลอตัวลงในปีนี้ หาก Fed ชะลอการขึ้นดอกเบี้ยก็จะเป็นผลเชิงบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งตลาดหุ้นไทย KTBST คาดว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ 2 ครั้ง ครั้งแรกในช่วงกลางปีและอีกครั้งช่วงปลายปี

โดยภาพรวมของการลงทุนในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคมนี้่ มองว่าตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากเรื่องการเมืองในประเทศ  ในสัปดาห์นี้จะเริ่มเปิดตัวผู้นำของพรรคการเมืองต่างๆและจะมีการเสนอชื่อว่าที่นายกฯ  เราจะได้เห็นกันว่าแต่ละพรรคมีใครลงแข่งหรือสนับสนุนใครเป็นนายกฯ บ้าง อย่างไรก็ตามตลาดก็ยังมีปัจจัยให้กังวลอยู่ นั่นคือ งบการเงินไตรมาส 4 ของกลุ่มธนาคารที่รายงานออกมาไม่ดีซึ่งมีผลต่อตลาดอยู่บ้าง และต้องจับตาดูการรายงานผลประกอบการของหุ้นกลุ่มอื่นๆ กันต่อ

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ เนื่องจาก KTBST ให้ความสนใจกับกระแสเงินลงทุน (Fund Flow) ที่เริ่มกลับเข้ามาในตลาด นักลงทุนอาจต้องเน้นเลือกเลือกหุ้นที่คาดว่าจะได้แรงซื้อกลับเข้ามา รวมถึงหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงซึ่งเป็นหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ เช่น BBL , LH  เช่นเดียวกับ หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการมีรัฐบาลหลังเลือกตั้ง เช่น กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม , กลุ่มรับเหมา เช่น AMATA  , STEC

                อย่าลืมนะครับการลงทุนมีความเสี่ยงติดตามข่าวสารและคำแนะนำการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน ..ติดตามข่าวสารการลงทุนได้จาก ”มุมความรู้”  https://www.ktbst.co.th/th/knowledge.php

 

โดยชาตรี  โรจนอาภา

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 

บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST)

www.mitihoon.com