ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ไออาร์พีซี หรือ IRPC ผู้ประกอบการโรงกลั่นและปิโตรเคมี โดยนายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ มั่นใจว่ากำไรจากการดำเนินงานปี 61 จะเติบโตได้ดีกว่าปี 60 ที่ทำได้กว่า 8 พันล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากโครงการที่ได้ขยายการลงทุนและสร้างเสร็จในปี 60 ทำให้รับรู้ผลการดำเนินได้เต็มปี ไม่ว่าจะเป็นโครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ (UHV) ของโรงกลั่น และการขยายกำลังการผลิตโพลีโพรพิลีน (PP) อีก 3 แสนตันต่อปี และโรงไฟฟ้าไออาร์พีซี คลีน เพาเวอร์ ขนาด 240 เมกะวัตต์ (MW) แล้วเสร็จ รวมถึงโครงการ Everest forever ซึ่งเป็นโครงการที่จะดำเนินการต่อจากโครงการ EVEREST เพื่อเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรในทุกด้าน
อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ของกำไรสุทธิปี 61 คาดว่าจะลดลงเมื่อเทียบกับปี 60 เนื่องจากได้ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาส 4/61 ส่งผลให้ขาดทุนสต็อกน้ำมัน ขณะที่กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม (GIM) ที่ไม่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมันจะอ่อนตัวลงราว 1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากระดับ 14.48 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปี 60 จากราคาผลิตภัณฑ์ลดลง
ส่วนความคืบหน้าในการซื้อกิจการ (M&A) ยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อลงทุนในโรงงานผลิตภัณฑ์ขั้นปลายที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจ จำนวน 1-2 แห่งในประเทศ และพิจารณา 2 ดีลสตาร์ทอัพด้านงานวิจัยในสิงคโปร์ และสหรัฐฯ ซึ่งยังไม่สามารถระบุระยะเวลาสรุปลงทุนได้
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมร่วมลงทุนกับบริษัท Guangzhao Saiju Performance Polymer Ltd. (GZSJ) จากประเทศจีน จัดตั้งบริษัทร่วมทุนในไทย โดย IRPC ถือหุ้น 55% GZSJ ถือหุ้น 45% เพื่อพัฒนาธุรกิจซื้อขายสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมพลาสติก ผ่านระบบ E-Commerce ในไทย ซึ่งเตรียมที่จะเปิด Platforms เพื่อให้เกิดการซื้อขายได้ในช่วงไตรมาส 3/62
ส่วนการร่วมลงทุนกับ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA ในการพัฒนานิคมอุตสากหรรมใน อ.บ้านค่าย จ.ระยอง อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในครึ่งปีแรก62
ทั้งนี้ ประเมินทิศทางราคาน้ำมันในระยะยาวช่วง 3-4 ปี ว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ60-70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากคาดว่ากำลังผลิตทางฝั่งเชลล์แก๊สยังมีปริมาณการผลิตออกมามาก ส่วนกลุ่มโอเปกลดกำลังการผลิตไม่มากจะส่งให้ราคาน้ำมันอยู่ในกรอบนี้ ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสม
www.mitihoon.com
