PTTEP งบปี 61 กำไร 3.6 หมื่นลบ.  สูงกว่าปีก่อนที่กำไร 2.05 หมื่นลบ. ตามปริมาณการขายและราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยสูงขึ้น

175

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายางนว่า บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ PTTEP  โดยนายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เผยว่า  ผลประกอบการปี 2561 มีกำไรสุทธิ 1,120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 36,206 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 89% จาก 594 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 20,579  ล้านบาท) ในปี 2560 โดยหลักจากปริมาณการขายและราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยสูงขึ้น พร้อมลงทุนตามแผนกลยุทธ์ ผลักดันการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายของโครงการหลัก เร่งกิจกรรมสำรวจเพื่อเพิ่มปริมาณปิโตรเลียมสำรอง และมุ่งลงทุนในพื้นที่ยุทธศาสตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง

ทั้งนี้ กำไรสุทธิในปี 2561 ที่ปรับตัวสูงขึ้นโดยหลัก เป็นผลมาจากปริมาณการขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 305,522 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จาก 299,206 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ในปี 2560 ซึ่งมาจากการเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนเพิ่มเติม 22.2222% ในโครงการบงกช ทำให้ ปตท.สผ.มีสัดส่วนการลงทุนรวม 66.6667% ส่งผลให้ปริมาณการขายและกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นทันทีหลังจากการซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ในเดือนมิถุนายน 2561

สำหรับราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยซึ่งปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบโลก มาอยู่ที่ 46.66 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 19% จาก 39.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ในปี 2560

“ตั้งแต่ปีนี้ จะเห็น ปตท.สผ. เดินหน้าเชิงรุกมากขึ้น อาทิ ล่าสุดบริษัทได้รับสัมปทานแปลงสำรวจปิโตรเลียมนอกชายฝั่ง 2 แปลงในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งทำให้ ปตท.สผ. ได้เข้าไปลงทุนในตะวันออกกลางซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์การลงทุนอีกครั้ง รวมทั้ง เป็นโอกาสให้เราได้ร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานระดับโลก สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ใหม่ของ ปตท.สผ. “Energy Partner of Choice” ที่มุ่งเน้นการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้างคุณค่าในระยะยาวให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย”  นายพงศธร กล่าว

นอกจากนี้ ปตท.สผ. จะเร่งผลักดันการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายในโครงการหลักที่อยู่ระหว่างรอการพัฒนา โดยเฉพาะโครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน ซึ่งคาดว่าจะตัดสินใจลงทุนได้ตามแผนภายในครึ่งแรกของปี 2562 นี้ นอกจากนั้น จะเร่งรัดกิจกรรมการสำรวจในโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาและมาเลเซีย รวมทั้งมองหาโอกาสเข้าลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลางเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตและเพิ่มปริมาณสำรองให้กับบริษัทได้ในอนาคต

สำหรับแหล่งบงกชและเอราวัณในอ่าวไทยนั้น หลังจากกระทรวงพลังงานประกาศให้ ปตท.สผ. เป็นผู้ชนะการประมูลแหล่งก๊าซธรรมชาติทั้ง 2 แหล่งเมื่อเดือนธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา ขณะนี้ บริษัทอยู่ระหว่างรอการลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิต เพื่อเริ่มดำเนินงานตามแผนงานต่างๆ ที่วางไว้ในการรักษาปริมาณการผลิตของทั้งสองแหล่งตามแผนงาน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ

www.mitihoon.com