มิติหุ้น – ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ หรือ GPSC ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า โดยนายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการปี 2562 จะเติบโตมากกว่าปีก่อน เนื่องจากจะรับรู้รายได้เต็มปีจากโครงการที่ได้จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในปีก่อน โดยในช่วงสิ้นปี 2561 มีกำลังการผลิตไฟฟ้า COD อยู่ที่ 1,530 เมกะวัตต์ จากกำลังผลิตที่มีอยู่มือราว 1,979.5 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ GPSC มีกำลังการผลิตเหลืออยู่ในมือราว 491.5 เมกะวัตต์ โดยจะ COD ในปี 2562 ราว 431.5 เมกะวัตต์ ซึ่งประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไซยะบุรีตามสัดส่วนการถือหุ้น 321 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าน้ำลิก1 จำนวน 26 เมกะวัตต์ และโซลาร์ฟาร์ม 39.5 เมกะวัตต์ รวมทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมระยองแห่งที่ 4 (CUP-4) กำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 70 ตันต่อชั่วโมง ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมนวนคร2 ตามสัดส่วนการถือหุ้น 60 เมกะวัตต์ จะเริ่ม COD ภายในปี 2563
สำหรับการเข้าซื้อกิจการ บมจ.โกลว์ พลังงาน หรือ GLOW มั่นใจว่าจะสามารถปิดดีลได้ภายในเดือนมี.ค.2562 รวมทั้งอยู่ระหว่างสรุปแผนการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า 2 โครงการในเมียนมาร่วมกับกลุ่ม บมจ.ปตท.หรือ PTT ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง คาดว่าจะมีความคืบหน้าที่มีนัยสำคัญอย่างน้อย 1 โครงการภายในปีนี้ ส่วนอีก 1 โครงการจะเป็นความร่วมมือกับธุรกิจก๊าซธรรมชาติของปตท. ที่มีแผนจะจัดตั้งคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในเมียนมา ก็มีโอกาสที่จะพัฒนาโรงไฟฟ้าต่อเนื่องจากคลัง LNG ดังกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมลงทุนโครงการ Energy Recovery Unit ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพลังงานสะอาด (CFP) ของ บมจ.ไทยออยล์ หรือ TOP โดยหากรวมกำลังการผลิตของ GLOW โครงการในเมียนมา และโครงการของ TOP จะส่งผลให้มีกำลังการผลิตทั้งสิ้นเป็น 5,000 กว่าเมกะวัตต์ ขณะที่ บริษัทอยู่ระหว่างทบทวนแผนลงทุนระดัย 5 ปี หลังจะมีการลงทุนขนาดใหญ่ โดยจะต้องพิจารณาให้สมดุลกับรายได้และหนี้สิน โดยปัจจุบันบริษัทมีเงินสดในมือ 3-4 พันล้านบาท
www.mitihoon.com