มิติหุ้น – ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.เออีซี หรือ AECS แนะนำนักลงทุนกลับมาติดตามการชัตดาวน์ของหน่วยภารัฐของสหรัฐ ที่จะครบกำหนดในวันที่ 15 ก.พ.นี้ หลังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงงบประมาณสร้ากำแพงชายแดนเม็กซิโกได้ อีกทั้งการรายงานตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ที่อาจชะลอตัวจากผลกระทบสงครามทางการค้าและภาวะ เศรษฐกิจที่ชะลอตัว
แม้ว่าในสัปดาห์นี้จะมีการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากผู้แทนการค้าสหรัฐฯ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ นายสตีเวน มนูชิน และรองนายกรัฐมนตรีของจีน นายหลิวเหอ แต่ด้วยผู้นำสหรัฐฯ นายโดนัล ทรัมป์ และประธานาธิปดีของจีน นายสี จิ้นผิงยังไม่ได้มีการเจรจาก่อนกำหนดวันขึ้นภาษีสินค้าในวันที่ 2 มีนาคมนี้ ทำให้การเจรจาการค้ายังมีความไม่แน่นอน
ส่วนปัจจัยในประเทศที่ยังมีสัญญาญเชิงบวกด้านการลงทุนมากขึ้น การเลือกตั้งที่มีความคืบหน้าชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ คาดช่วยกระตุ้นให้มีซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นตาม เพราะดัชนีหุ้นไทย Laggard สุดในกลุ่ม TIP Market โดย YTD นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิตลาดหุ้น Philippines 430 ล้านดอลลาร์, Indonesia 998 ล้านดอลลาร์ และ Thailand 243 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ฝั่ง Valuation จาก Bloomberg Consensus พบว่าตลาดหุ้น ฟิลิปปินส์ ซื้อขายที่ระดับ P/E ปีนี้ที่ 17.6 เท่า, อินโดนีเซีย ซื้อขายที่ระดับ P/E ที่ 15.1 เท่า และไทย ซื้อขายที่ระดับ P/E ที่ 14.1 เท่า
ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนโดยให้กรอบดัชนี 1,630-1,665 จุด แนลงทุน 3 กลุ่มหุ้นเด่นคือ กลุ่มนิคมและสาธารณูปโภค แนะนำ AMATA, WHA และ EASTW ซึ่งได้อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC กลุ่มจำนำทะเบียนรถ แนะนำSAWAD, MTC และ AMANAH รับผลบวกจากกฎระเบียบมีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยสรุปเบื้องต้นของ ธปท.ระบุถึงการควบคุมผู้ให้บริการในระดับประเทศ และหุ้นกลุ่มที่คาดงบปี 2561 กำไรโตเด่นเมื่อเทียบจากปีก่อน และ Consensus ยังคาดโตต่อในปี 2562 แนะนำJMT, PLANB และ COM7