มิติหุ้น – GUNKUL จับมือ UCT ร่วมลงทุนโซลาร์รูฟท็อป 1.92 MW เดินหน้าจ่ายไฟฟ้าเพิ่ม 100 MW มั่นใจกำลังการผลิตสิ้นปี 700 MW จ้องประมูลงาน EPC 3 หมื่นลบ. ดันรายได้โต 25%
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง หรือ GUNKUL ผู้ประกอบการพลังงานทดแทน และระบบวิศวกรรม โดยนางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริษัท เผยว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญากับ บมจ.ยูนิคอร์ด หรือ UCT ผู้ประกอบการธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปลาทูน่ากระป๋อง ลงทุนโครงการก่อสร้างระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ขนาดกำลังการผลิต 1.92 เมกะวัตต์ มูลค่าการลงทุนราว 60 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโอกาสรับงาน EPC ติดตั้งระบบโซลาร์ลอยน้ำให้กับ UCT เพิ่มอีก 2 เมกะวัตต์ คาดมูลค่าโครงการราว 80 ล้านบาท
ด้านนายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ GUNKUL กล่าวว่า ในปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 25% หรือประมาณ 7,500 ล้านบาท เนื่องจากเติบโตตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือราว 580 เมกะวัตต์ จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) 360 เมกะวัตต์ และจะ COD ปีนี้อีก 100 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศญี่ปุ่น 40 เมกะวัตต์ โซลาร์ฟาร์มที่ประเทศมาเลเซีย 30 เมกะวัตต์ โซลาร์รูฟท็อปที่ประเทศกัมพูชา 30 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากงานติดตั้งระบบวิศวกรรมไฟฟ้า (EPC) ที่มีงานในมือ (Backlog) ราว 2,200 ล้านบาทจะรับรู้เป็นรายได้ทั้งหมดในปีนี้
พร้อมกันนี้ในปี 62 บริษัทตั้งมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 700 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันอยู่หว่างเจรจาลงทุนโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศเวียดนาม มาเลเซีย คาดว่าจะเห็นการลงทุนใหม่ในเวียดนาม 50 เมกะวัตต์ มาเลเซีย 30 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังมีโอกาสขยายการลงทุนเพิ่มในประเทศกัมพูชา และไทย
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน คาดว่าจะมีกำลังการผลิต 1,000 เมกะวัตต์ภายในปี 64 จากกำหนดเดิมปี 65 เนื่องจากจะมีโอกาสขยายการลงทุนตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี2018)ที่มีความชัดเจนแล้ว เมื่อมีกำลังการผลิตครบ 1,000 เมกะวัตต์ จะส่งผลให้มีสัดส่วนกำไรจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 90% จาก 70-75% ในปลายปีนี้
ส่วนเป้าหมายการประมูลงาน EPC ปีนี้ตั้งเป้าประมูลงาน 30,000 ล้านบาทและในวันที่ 20 ก.พ.62 บริษัทเตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) พิจารณาว่าจะจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นเป็นหุ้นหรือเป็นเงินสด โดยนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไร