บอร์ดPREBไฟเขียวจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดอัตรา 0.80 บาทต่อหุ้น เป็นเงินมูลค่า 246 ล้านบาท จากที่มีกำไรสุทธิ 384.21 ล้านบาท กำหนดจ่าย 24 พ.ค.นี้ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง7.92% ของราคาหุ้น หรือคิดเป็น 64% ของกำไรต่อหุ้น ระบุผลจากธุรกิจรับเหมาและธุรกิจขายแผ่นพื้นคอนกรีตโตกว่าคาด ขณะที่ประสิทธิภาพการควบคุมต้นทุนดีขึ้น “วิโรจน์ เจริญตรา”กรรมการผู้จัดการ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 30% คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นปีแรก
นายวิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ PREB เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.80 บาทต่อหุ้น หรือเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 246.95 ล้านบาท โดยจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (XD) ในวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 และกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวภายในวันที่ 24 พฤษภาคม นี้
ทั้งนี้เงินปันผลที่จ่ายในรอบปี 2561 คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ระดับ7.92% ซึ่งคิดจากราคาหุ้นที่ 10.10 บาท ณ วันที่ 21 ก.พ. 2562
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2561 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,896.14 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 384.21 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบเฉพาะส่วนงานที่ดำเนินงานต่อเนื่องพบกว่า มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น โดยมีกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 92 ล้านบาท (ปี2560 บริษัท มีกำไรจากธุรกิจดำเนินงานต่อเนื่องประมาณ 292.06 ล้านบาท และเมื่อรวมกำไรจากธุรกิจที่ยกเลิก และ กำไรจากการขายธุรกิจที่ยกเลิกเป็นผลให้ปี 2560 มีกำไรรวม 703.51 ล้านบา โดยปีที่ผ่านมาได้มีการจ่ายเงินปันผล 1.80 บาทต่อหุ้น)
นายวิโรจน์ เจริญตรายังกล่าวต่ออีกว่า กำไรจากการขายกิจการที่ยกเลิกไป ได้นำมาลงทุนทั้งในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในรูปแบบของการร่วมลงทุนกับกลุ่มพันธมิตรและการพัฒนาโครงการด้วยตนเอง โดยณ ปัจจุบันนี้ มีโครงการที่พัฒนาเอง 3 โครงการมูลค่าโครงการรวมประมาณ 4.4 พันล้านบาท และเป็นโครงการรวมทุนอีก 5 โครงการมูลค่าโครงการรวมประมาณ5.2 พันล้านบาท โดยคาดการณ์ว่าปีนี้จะเป็นปีเริ่มต้นที่เริ่มรับรู้ผลกำไรจากการลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นี้
ภาพรวมธุรกิจปี 2562 สำหรับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และ ธุรกิจผลิตและขายแผ่นสำเร็จ ก็ยังคาดการณ์ว่าจะมีความเติบโตได้ทั้งในเรื่องยอดรายได้และกำไร ซึ่งสาเหตุที่ทำให้บริษัทมีกำไรที่ดีเกิดจาก ความสามารถควบคุมต้นทุน และความสามารถในการส่งมอบงานได้ตรงเวลาโดยมีงานแก้ไขน้อย โดยบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตประมาณ 30% จากปีก่อน ซึ่งปัจจุบันมีส่วนงานรับเหมาก่อสร้างมีงานรอรับรู้รายได้ประมาณ 8 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะแบ่งรับรู้ภายในปี 2562 ประมาณ 4 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในอีก 2 ปีข้างหน้า รวมทั้งจะมีรายได้ จากงานขายผลิตแผ่นพื้นคอนกรีต และพรีแคสของบริษัทพีซีเอ็ม คอนสตรัคชั่น แมททีเรียล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย อีกประมาณ 580 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อีกประมาณ 90 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 4/2562
“แนวโน้มของงานรับเหมาก่อสร้างอาคารสูงของบริษัทฯ ยังมีทิศทางที่ดี และยังคงสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ โดยปีนี้บริษัทฯ เพิ่มงานธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เข้ามา เพื่อสนับสนุนให้บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยยังเน้นการมีจุดแข็งในด้านคุณภาพที่ดี และมีต้นทุนต่ำ โดยจะช่วยทำให้บริษัทฯ รักษาความสามารถในการทำกำไรไว้ได้ในระดับที่เพิ่มขึ้น” กรรมการผู้จัดการกล่าวในที่สุด